จากกรณีการสอบบรรจุพนักงานราชการตำแหน่งครูผู้สอน ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจังหวัดสระแก้ว พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้รับทราบเหตุการณ์และติดตามกรณีนี้อย่างใกล้ชิดตั้งแต่คืนวันที่ 12 กันยายน 2567 โดยได้สั่งการให้ สพฐ. เร่งติดตามและดำเนินการสอบสวนโดยด่วน
กระทรวงศึกษาธิการได้ส่งนิติกรลงพื้นที่เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมทั้งอายัดเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อสอบ เฉลยคำตอบ และหลักฐานอื่น ๆ มาตรวจสอบอย่างละเอียดที่ส่วนกลางแล้ว โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการยืนยันว่า หากพบการกระทำผิดจริง ผู้กระทำความผิดจะต้องถูกลงโทษอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้จะมีการพิจารณาว่าความผิดนั้นเกิดจากความประมาทเลินเล่อหรือเป็นการทุจริตโดยเจตนา ซึ่งจะมีการดำเนินการตามฐานความผิดที่แตกต่างกัน
ด้านผู้ร้องเรียนได้กล่าวถึงความต้องการที่มายื่นหนังสือในวันนี้ว่า หากผลสอบเป็นไปตามที่ได้ประกาศในครั้งแรก ตนต้องการบรรจุเป็นพนักงานราชการตามขั้นตอนของการสอบคัดเลือก แต่หากคะแนนตนผิดจริง ๆ ก็พร้อมรับคำตัดสิน และขอความชัดเจนจาก สพม.สระแก้ว ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับคำอธิบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับเหตุผลในการเปลี่ยนแปลงผลสอบ มีเพียงแค่การแจ้งว่ามีคนร้องเรียนว่าเฉลยข้อสอบผิดเพียงเท่านั้น
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการยืนยันว่าจะมีมาตรการเยียวยาอย่างเหมาะสม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบคะแนนและหลักฐานต่าง ๆ หากพบว่าคะแนนของผู้ร้องเรียนถูกต้องตามประกาศครั้งแรก ก็จะพิจารณามาตรการเยียวยาในการบรรจุเป็นพนักงานราชการตามสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ทาง สพฐ. ได้มีข้อเสนอให้ผู้ร้องเรียนเข้ารับตำแหน่งครูอัตราจ้างในโรงเรียนใกล้บ้านเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งเป็นการดำเนินการชั่วคราวเท่านั้น ไม่ใช่การปิดปากผู้ร้องเรียนแต่อย่างใด
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการยังได้กำชับให้การสอบสวนเป็นไปอย่างรวดเร็วและโปร่งใส โดยกำหนดระยะเวลาการสอบสวนข้อเท็จจริงภายใน 7 วัน และยืนยันว่าหากพบว่ามีการทุจริตจริง ผู้กระทำผิดจะต้องถูกลงโทษสูงสุดคือการไล่ออกจากราชการ และอาจจะต้องมีการเพิ่มโทษทางปกครองให้เข้มข้นขึ้นด้วย อีกทั้งยังมีการร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการตรวจสอบเพื่อให้สังคมเชื่อมั่นในความโปร่งใสของกระทรวงศึกษาธิการ
“เราจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ทุกคนจะได้รับความเป็นธรรม ไม่มีการล้มมวยแน่นอน ความผิดพลาดในครั้งนี้เราจะไม่เพิกเฉย ขอให้สังคมรอผลการสอบสวนซึ่งสามารถพิสูจน์ได้จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพราะความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว และพร้อมที่จะเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเหมาะสมตามหลักเกณฑ์และกฎหมาย” นายสิริพงศ์ กล่าว.