วันนี้ (12 กุมภาพันธ์ 2567) เวลา 09.30 น. นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี เป็นประธานในพิธีนำของกลางที่คดีถึงที่สุดไปทำลาย พร้อมด้วยนายอภิชาติ ใจงาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนและปราบปราม รักษาการผู้อำนวยการกองสืบสวนและปราบปราม นายอาวุธ วงศ์สวัสดิ์ รองอธิบดี กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร.ต.อ. พลสัณห์ เทิดสงวน ผู้อำนวยการกองคดีทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) และ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ร่วมพิธีดังกล่าว โดยของกลางที่นำไปทำลาย จำนวน 878,583 ชิ้น มูลค่า 8,375,966.81 บาท ณ ห้องโถง อาคาร 2 กรมศุลกากร
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี เปิดเผยว่าตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบายให้กรมศุลกากรให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ สินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า และสินค้าประเภทอื่น ๆ อย่างเข้มงวด เพื่อรักษากลไกทางการตลาด และเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน โดยนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเข้มงวดกวดขันในการป้องกันและปราบปราม ผู้กระทำความผิดในการลักลอบ หลีกเลี่ยงนำเข้าสินค้าดังกล่าว อีกทั้ง ยังเน้นให้เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพสูงสุดและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน สำหรับในวันนี้ กรมศุลกากร โดยกองสืบสวนและปราบปรามได้รวบรวมของกลางที่คดีถึงที่สุดแล้วและตกเป็นของแผ่นดินตามกฎหมายไปทำลาย อาทิ
บารากู่ บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ สินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า และสินค้าอื่น ๆ จำนวนทั้งสิ้น 878,583 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าทั้งหมด 8,375,966.81 บาท ซึ่งสินค้าบางรายการมีการลอกเลียนแบบและมีการลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักร ถือเป็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาโดยประเทศไทยได้มีข้อตกลงที่จะร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้เกิดการยอมรับในระดับสากล รวมถึงสร้างมาตรฐานการปกป้องสังคม เพื่อประโยชน์ทางการค้าของผู้ประกอบการที่สุจริตและประชาชนทั่วไป
นายพันธ์ทอง กล่าวต่ออีกว่า กรมศุลกากรจะนำของกลางที่คดีได้ถึงที่สุดและตกเป็นของแผ่นดินตามกฎหมาย ไปทำลายโดยวิธีการเผาทำลาย ณ โรงกำจัดขยะผลิตไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อม ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม ซึ่งอยู่ในการกำกับดูแลของบริษัท ซีแอนด์จี เอ็นไวรอนเมนทอล โปรเท็คชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 และทุบทำลายโดยใช้รถบด ณ บริษัท โกลเด้นดีพ (ประเทศไทย) จำกัดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567