ความสำเร็จโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ “กรมการข้าว” ยกระดับวิถีชีวิตชาวนา ส่งเสริมปลูกข้าวน้ำรู สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน  

นายพรเทพ สีวันนา นักวิชาการเกษตรชำนาญการ ได้เล่าถึงความสำเร็จโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ว่า “บ้านเล็กในป่าใหญ่” เป็นโครงการที่ภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกันสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของข้าว น้ำ สัตว์ และพืช สิ่งหนึ่งที่ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มุ่งเน้นมาตลอด คือ พยายามดำเนินการอย่างต่อเนื่องทุก ๆ ปี ให้สัมพันธ์กับวิถีชีวิตของคนในชุมชนเหล่านั้น และสิ่งหนึ่งที่กรมการข้าว ซึ่งเป็นหน่วยงานขับเคลื่อนเกี่ยวกับ พืชพันธุ์หลัก พืชอาหาร นั่นคือข้าว ความสำเร็จของเราก็คือขอให้ประชาชนและเกษตรกรมีข้าวที่พอกิน ยังคงสภาพแปลงนาเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญในพื้นที่ดังกล่าวให้คงอยู่ เพียงแค่เค้าได้มีเมล็ดพันธุ์ที่เพียงพอ ได้ปลูกต่อในฤดูถัดไปได้ อาจมีการปรับใช้เทคโนโลยีที่กรมการข้าวได้ไปสอน สนับสนุน และผันแปรไปตามวิถีชีวิตของเค้าเหล่านั้น เนี่ยแหละครับ ที่ผมมองว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ที่กรมการข้าวยังต้องยึดมั่นและดำเนินงานต่อในทุก ๆ ปี


 
ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา เราได้เรียนรู้กับเกษตรกรรุ่นใหม่ ยุคใหม่ ที่จะเข้ามาสืบสาน ต่อยอด กับภูมิปัญญา วัฒนธรรม วิถีชีวิตของชุมชนของโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ สิ่งหนึ่งที่เติบโตคือ ทุก ๆ เจนเนอเรชั่นที่เติบโตขึ้นมาทดแทน เค้ามีแนวคิดที่จะพัฒนา เช่น เค้าคงจะไม่บริโภคอย่างเดียวแล้ว เค้ามีการเรียนรู้เพิ่มเติม เค้าอาจพัฒนา แปรรูปเป็นสินค้าร่วมกับทางพื้นที่ทำเป็นธุรกิจ การเกษตรเชิงท่องเที่ยวหรือสร้างสตอรี่กับพืชพรรณที่เค้ามีอยู่ โดยเฉพาะข้าว ซึ่งเป็นพืชเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นข้าวไร่ ข้าวดอย ข้าวในที่สูง มีการสร้างกิมมิคของมูลค่าที่ต่อยอดในการที่จะศึกษาเรียนรู้กับวิธีการเพาะปลูกแบบใหม่ ๆ ความท้าทายที่กรมการข้าวต้องมุ่งเน้น และส่งเสริมอย่างเข้มข้น ซึ่งกรมการข้าวได้เข้าไปดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าวแบบนาขั้นบันได จัดทำแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์น้ำรู และสนับสนุนปัจจัยการผลิตให้กับเกษตรกรในพื้นที่โครงการบ้านเล็กในป่า ใหญ่ตามพระราชดำริ บ้านหนองห้า จังหวัดพะเยา เพื่อให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และมีความรู้ในการปลูกข้าวที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่

 
“พันธุ์ข้าวน้ำรู” เป็นข้าวเจ้าที่ได้จากการเก็บรวบรวมพันธุ์จากชาวไทยภูเขาเผ่าลีซอ บ้านน้ำรู ดอยสามหมื่น อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพันธุ์ข้าวไร่ มีความสูงประมาณ 141 เซนติเมตร ไวต่อช่วงแสงอย่างอ่อน ต้านทานโรคเมล็ดด่างได้ดีในสภาพธรรมชาติ ไม่ต้านทานโรคขอบใบแห้ง ใบสีส้ม โรคใบหงิก โรคเขี้ยวเตี้ย โรคหูด และโรคไหม้คอรวง ไม่ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ปลูกได้ในสภาพไร่พื้นที่สูง ตั้งแต่ 1,000-1,400 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง


 
นายพรเทพ กล่าวว่า เราต้องรักษาพันธุ์ข้าวน้ำรูไว้ ยังคงจำเป็นต้องมีอยู่ แต่ถ้าเรารู้ว่า พันธุ์น้ำรูยังต้องปรับปรุงตรงส่วนไหน เป็นหน้าที่ของกรมการข้าวที่จะต้องไปพัฒนาปรับปรุง หรือรักษาเสถียรภาพของพันธุ์นี้ให้คงอยู่ เพราะบางทีพันธุ์น้ำรูอาจจะเป็นข้าวอัตลักษณ์ในพื้นที่นั้น ๆ  อีกทางหนึ่ง เราก็พยายามป้อนพันธุ์ข้าวใหม่ ๆ  ให้เกิดความหลากหลายของพื้นที่ อย่างน้อยทำให้เกษตรกรยอมรับหรือพิจารณาแล้วว่าข้าวพันธุ์ไหนมีรสสัมผัสใกล้เคียงกับพันธุ์ถิ่นเดิม เค้าอาจต้องปรับตัวต่อไปในอนาคต ณ ตอนนี้เราต้องให้ความรู้เค้าก่อน ในเรื่องของการเพาะปลูก เราพยายามที่จะให้เค้าทำการเกษตรแบบปราณีต ถึงแม้ว่าในพื้นที่ดังกล่าวจะมีความอ่อนไหวต่อการเข้าไปส่งเสริม ไม่ว่าจะเป็นความยากลำบากของเส้นทาง พื้นที่ค่อนข้างจำกัด ไม่เหมาะกับเทคโนโลยีขนาดใหญ่ แต่เป็นสิ่งที่ท้าทาย เราต้องมุ่งเน้นให้เค้ามีความรู้ และยอมรับกับองค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่กรมการข้าวได้พัฒนาขึ้นมาเสียก่อน
 


“ความจริงโครงการพระราชดำริ โครงการนี้กับวิถีชีวิตของเค้าเป็นของคู่กัน เนื่องจากเป็นโครงการที่ได้รับพระเมตตา ที่กระทรวงเกษตรฯ เองอยากสนอง ไม่ว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 พระพันปีหลวงด้วย ที่ทรงมุ่งเน้นว่าจะเสริมสร้างความเข้มแข็งเฉพาะด้านให้กับประชาชนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารและก็เป็นพื้นที่ที่ห่างไกล โครงการนี้เป็นโครงการที่กรมการข้าวพยายามที่จะรักษาเราจะพัฒนาตรงจุดนั้น ให้เค้ามีความเข้มแข็ง วัตถุประสงค์หลักข้อแรก คือ การพัฒนาให้เค้ามีความเข้มแข็งก่อน และพึ่งพาตัวเองได้ อันนี้คือวัตถุประสงค์ที่เราต้องเร่งดำเนินการ แต่สิ่งอื่นสิ่งใดคือ ควรใช้เวลาประมาณ 5 ปี 10 ปี หรือ 20 ปี เพราะรุ่นของเกษตรกรจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ทุกคนต้องตระหนัก รวมถึงเจ้าหน้าที่ด้วย โดยจะเปลี่ยนแปลงทั้งสองแบบ คือ เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานและเกษตรกรรุ่นใหม่ ๆ ด้วย ที่เติบโตขึ้นมาทดแทนรุ่นเก่า ๆ ซึ่งการเรียนรู้เหล่านี้ต้องเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน สิ่งหนึ่งที่เราพยายามคือ ยังคงรักษาพืชพันธุ์เหล่านั้นให้คงอยู่ อาจมีการต่อยอด มีการสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้เค้ามีความรู้สึกว่าสิ่งที่เค้ามีอยู่นั้นมีค่าและสามารถใช้ประโยชน์ได้ สามารถพึ่งพาตนเองในชีวิตของเค้าเหล่านั้น” นายพรเทพ กล่าวในที่สุด