เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 25657 ที่ โรงเรียนท่าเรือ “นิตยานุกูล” อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จัดโครงการพัฒนาครูต้นแบบในเขตภาคกลาง เพื่อ“พลิกโฉมคุณภาพการศึกษาโดยพัฒนาครู ให้มีศักยภาพสอดคล้องกับศตวรรษที่ 21” ในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบไปสู่การสร้าง ผู้เรียนให้เป็นนวัตกร ตามโครงการพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาด้วยรูปแบบ Active Learning สำหรับครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (1 อําเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ) ระดับมัธยมศึกษา โดย นายสายัน ปองไป รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า การจัดการเรียนการสอนด้วยรูปแบบ Active Learning ผ่านกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการคิด ซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะการสร้างให้เด็กมีกระบวนการคิดที่ดี ที่ถูกต้อง จะทำให้นักเรียนสามารถคิดได้ วิเคราะห์เป็น แยกแยะได้ และสังเคราะห์ได้ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ถูกต้องและสามารถนำมาใช้ในชีวิตจริงได้
รอง ผอ.สพม.พระนครศรีอยุธยา กล่าวต่อไปว่า ว่าที่ร้อยเอก ดร.ทิณกรณ์ ภูโทถ้ำ ผอ.สพม.พระนครศรีอยุธยา ต้องการให้ทุกโรงเรียนในสังกัด สพม.พระนครศรีอยุธยา จัดการเรียนการสอนโดย Active Learning จึงได้ส่งครูและบุคลากรมารับการอบรมในครั้งนี้ เพราะถ้าหากเราสามารถใช้วิธีการนี้ ให้ครูสามารถสอนได้โดยมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ลึกซึ้ง ครูก็จะลดบทบาทของความเป็นผู้สอนมาเป็นผู้สนับสนุน โค้ชชิ่ง เมนเทอร์ริ่ง หรือ ออฟเซิร์ฟเวอร์ ขณะที่ เด็ก ๆ นอกจากจะได้เรื่องของวิชาการแล้วยังจะได้ทักษะในการคิดแก้ปัญหาพัฒนาต่อยอดได้อีก ซึ่งจะเป็นผลดีต่อระบบการศึกษาและเป็นผลดีต่อประเทศด้วย ซึ่งในอนาคตประเทศต้องการคนประเภทนี้ ดังนั้นจึงต้องเตรียมคนให้พร้อม ทั้งนี้ สพม.พระนครศรีอยุธยา จะมอบนโยบายนี้ให้ ผู้บริหารทุกโรงเรียนนำกระบวนการนี้ไปใช้ในห้องเรียนและจะมีการกำกับนิเทศติดตามเพื่อสรุปอีกครั้งหนึ่งว่าสิ่งที่ได้ผลจากการพัฒนาครูสู่ผู้เรียนและตัวผู้เรียนสามารถพัฒนาเป็นนวัตกรรมได้มากน้อยแค่ไหน
รศ.ดร.นันทิยา น้อยจันทร์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา กล่าวว่า โครงการพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาด้วยรูปแบบ Active Learning เป็นโครงการความร่วมมือระหว่าง มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา กับ สพฐ. โดยเป็นการจัดการเรียนการสอนผ่านกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps ซึ่งกระบวนการนี้เป็นการพัฒนาให้นักเรียนมีการเรียนรู้และสร้างนวัตกรรม โดยใช้กระบวนการ 5 ขั้นตอนตั้งแต่เริ่มตั้งปัญหา แสวงหาความรู้ การสร้างองค์ความรู้ การสร้างนวัตกรรม และเผยแพร่นวัตกรรม เรียกว่าเป็นตัวนวัตกรรมที่สร้างประโยชน์ให้แก่นักเรียน โดยผู้ได้รับประโยชน์โดยตรงก็คือตัวผู้เรียนที่จะพัฒนาในเรื่องของความรู้ ทักษะ เจตคติ
“ตัว GPAS 5 Steps ได้ผ่านกระบวนการวิจัยมาหลายรอบแล้ว ผสมกับการพัฒนากระบวนการเรียนการสอนแบบ Active Learning ที่จะนำไปใช้กับเด็ก ที่ผ่านมาได้มีการพูดถึง Active Learning มากกว่า 10 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีทิศทางหรือกรอบที่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับครู แต่บางครั้งภาระในการจัดการเรียนการสอนและการสร้างผลงานจะไปลงที่ตัวเด็ก แต่กระบวนการคิดขั้นสูง GPAS 5 Steps จะเป็นกระบวนการให้มีการทำงานร่วมกันเป็นนวัตกรรมของครูสู่นวัตกรรมนักเรียน โดยใช้ห้องเรียนเป็นฐานในการจัดกิจกรรมเรียนรู้ ผู้เรียนจะไม่สูญเสียครูที่ออกไปสร้างนวัตกรรมเพื่อมาใช้ในการเรียน แต่เป็นการทำควบคู่กันไป เวลาจัดการเรียนการสอนในรายวิชาก็มักจะพูดว่า ผู้เรียนจะได้ในเรื่องของฮาร์ดสกิล หรือศาสตร์องค์ความรู้ แต่ในกระบวนการของ GPAS 5 Steps นักเรียนจะได้ในเรื่องของซอฟท์สกิลด้วย เพราะมีการสื่อสารพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เป็นรูปแบบที่ดีที่ช่วยให้ครูมีกรอบและทิศทางในการจัดการเรียนการสอน โดยสามารถใช้ได้กับเด็กทุกระดับตั้งแต่ประถมศึกษาจนถึงอุดมศึกษา ซึ่งเป็นรูปแบบที่ค่อนข้างสมบูรณ์ในการจะถ่ายทอดให้แก่ครูเพื่อไปถ่ายทอดสู่ผู้เรียนต่อไป”รศ.ดร.นันทิยา กล่าว
ด้าน ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา กล่าวว่า ขอแสดงความชื่นชมผู้บริหารระดับนโยบายและผู้บริหารของกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีนโยบายและแนวทางในการแก้ปัญหาเรื่อง “คุณภาพการศึกษาไทยต่ำ” ที่สั่งสมมานานถึง 20 ปี โดยการแก้ไขด้วยการปรับกระบวนการเรียนรู้ให้นำไปสู่หลักมาตรฐานสากล ซึ่งถ้าสถานศึกษาได้ปฏิบัติอย่างจริงจังเพียง 2-3 ปี นอกจากพลิกโฉมคุณภาพการศึกษาไทยได้แล้ว ยังสามารถนำพาประเทศไทยสู่มาตรฐานสากลอย่างเป็นระบบ และส่งผลให้คุณภาพการศึกษาของเยาวชนไทยเกิดการพัฒนาศักยภาพได้อย่างทัดเทียมหรืออาจจะเหนือกว่านานาอารยประเทศอย่างแน่นอน ทั้งนี้ สำหรับการอบรมครูต้นแบบตอนนี้เป็นโครงการระยะที่สองจากโครงการระยะแรกที่ทำจังหวัดละ 3 โรงเรียน ซึ่งได้มีการนำนวัตกรรมออกมาแสดงระดับประเทศแล้ว และครั้งนี้เป็นการลงลึกอำเภอละ 2 โรงเรียน คือ ระดับมัธยมศึกษา 1 โรง ประถมศึกษา 1 โรง ถ้าทำสำเร็จเชื่อว่าจะพลิกโฉมการศึกษาไปอย่างผิดหูผิดตาแน่นอน การปฏิรูปการศึกษาจะมีผลกับทุกกระทรวงของประเทศ ถ้ากระทรวงศึกษาธิการศักยภาพไม่ถึง คุณภาพเด็กก็จะไม่เกิด