จากกรณีคนเสื้อแดงจังหวัดปทุมธานีได้มีการโพสต์เดือดในเฟสบุ๊คส่วนตัวที่มีการต่อว่าต่อขานแกนนำคนเสื้อแดงจังหวัดปทุมธานีที่หันไปสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทยจนเป็นกระแสดราม่าบนโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้
ล่าสุด(4 กค. 67) นายสรรัก มาลัยทอง แกนนำคนเสื้อแดงจังหวัดปทุมธานีที่แหวกมติคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยหันไปเชียร์ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง หรือบิ้กแจ๊ส โดยนายสรรักกล่าวว่า อยากจะชี้แจงว่าคนเสื้อแดงในจังหวัดปทุมธานีที่มีอุดมการณ์ด้วยกันต่างมาช่วยหาเสียงในช่วงการเลือกตั้งนายกอบจ.ปทุมธานีซึ่งคนที่มีอุดมการณ์ก็เข้าใจตนและไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน จะมีก็แต่กลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าคิดอย่างไรกับตน โดยตนได้มีการสอบถามแกนนำคนเสื้อแดงแต่ละท่านที่ร่วมต่อสู้มาด้วยกันก็ไม่ทราบคำตอบ แต่กลุ่มคนเหล่านี้ กลับผลักให้ตนไปเป็นแดงแจ๊ด ขอย้ำว่าแดงแจ๊ดแต่ใช้ ด. ซึ่งตนพร้อมที่จะเป็นแดงแจ๊ด
ทั้งนี้ตนก็ยังเคารพรักนายกทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอยู่เหมือนเดิม ซึ่งในเดือนกรกฎาคมนี้จะเป็นวันคล้ายวันเกิดของนายกทักษิณ ตนก็จะจุดเทียน เป่าเค้กให้เหมือนเดิมในทุกๆปี ซึ่งตนยังเคารพรักท่านเหมือนเดิมตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ขอย้ำว่าตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ซึ่งประชาชนในขณะนั้นได้ประโยชน์
ในฐานะที่ตนเองคนเป็นนักต่อสู้ของคนเสื้อแดงมาตั้งแต่สมัยยังไม่มีพรรคไทยรักไทยเกิดขึ้นและตนก็ต่อสู้มาโดยตลาดในนามคนเสื้อแดงและตนเชื่อมั่นในรัฐบาลไทยรักไทยที่ทำงานประสบความสำเร็จ โดยพอมาถึงการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี ที่มีผู้สมัครนายก อบจ.ปทุมธานี ในนามพรรคเพื่อไทย ซึ่งตนหันไปเชื่อมั่นการทำงานของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง จนคนเสื้อแดงในปทุมธานีต่างต่อว่าต่อขานว่าตนนั้น แกนนำคนเสื้อแดงจังหวัดปทุมธานีแต่ไปเชียร์แดงแจ๊ส ซึ่งตนก็ยืนยันว่าเป็นแดงแจ๊ดแต่ใช้ ด.นะ
ตนนั้นพร้อมที่จะเป็นแดงแจ๊ด ที่ทำงานให้กับคนในจังหวัดปทุมธานี และผลประโยชน์ให้กับจังหวัดปทุมธานี และตนจะสนับสนุนคนที่ทำประโยชน์ให้กับคนจังหวัดปทุมธานี และ ตนจะไม่สนับสนุนคนที่มีขนักติดหลัง ฝากไปถึงผู้ชนะหากได้เข้าไปทำงานก็ขอให้เข้าไปทำงานโดยเร็วเนื่องจากอดีตนายก อบจ. ที่เขาลาออกก่อนก็เพราะว่า อยากให้มีนายกโดยเร็วซึ่งพอน้ำมาก็จะได้แก้ไขปัญหา ซึ่ง ส.อบจ. ไม่สามารถทำงานได้เพราะติดปัญหาเงื่อนไขทางกฎหมาย 180 วัน ดังนั้นจึงอยากจะฝากนายกคนใหม่รีบเข้าไปทำงานเพื่อแสดงฝีมือให้กับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดปทุมธานีโดยเร็ว
ณรงค์ศักดิ์ น้ำจันทร์ // รายงาน
