เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 นายภวฤทธิ์ กาญจนเกตุ หรืออ๋อง รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เผยชุมชน 4 แขวงร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด กรณีรายชื่อตกหล่น และบางชุมชนมีรายชื่อเพิ่มขึ้นผิดสังเกต ก่อนเลือกตั้งคณะกรรมการชุมชน วันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ว่า ก่อนเปิดรับสมัครทางเทศบาลได้ทำประชาคม เพื่อชี้แจงการเลือกตั้งคณะกรรมการชุมชน 101 แห่งแล้ว ซึ่งไม่มีชุมชนไหนทักท้วงหรือท้วงติงเรื่องดังกล่าว หากมีรายชื่อตกหล่น หรือเพิ่มขึ้นผิดสังเกต คณะกรรมการชุมชน หรือเจ้าบ้านที่มีสิทธิเลือกตั้งสามารถแจ้งเพิ่ม-ถอนรายชื่อดังกล่าว ระหว่างวันที่ 12-16 กุมภาพันธ์นี้ ก่อนเลือกตั้งดังกล่าวได้ ซึ่งการทำประชาคมดังกล่าว ตนในฐานะผู้บริหารเทศบาล ได้ลงพื้นที่สังเกตการณ์ เพื่อดูแลความเรียบร้อย และชี้แจงปัญหาดังกล่าว พร้อมให้คำปรึกษาผู้ลงรับสมัครเป็นคณะกรรมการชุมชนแล้ว ซึ่งชุมชนเข้าใจ รับทราบเป็นอย่างดี
กรณีรายชื่อตกหล่น หรือเพิ่มขึ้น อาจเกิดจากแนวเขตชุมชนเดิม ที่เป็นพื้นที่ชายขอบทับซ้อนอยู่ ซึ่งอยู่ระหว่างปรับปรุงแนวเขตใหม่ เนื่องจากไม่ได้เลือกตั้งคณะกรรมการชุมชน กว่า 10 ปีแล้วอาจทำให้การแบ่งเขตชุมชน และรายชื่อดังกล่าว เกิดความคลาดเตลื่อนไปบ้าง เช่น ชุมชนแจ่งหัวริน ทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งแก่ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วแล้ว เพื่อไม่ให้กระทบสิทธิผู้รับสมัคร และผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งแล้ว
นอกจากนี้ ได้ตอบและชี้แจงญัตติของสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) ฝ่ายค้านบางราย ที่ตั้งกระทู้เรื่องดังกล่าวในสภาแล้ว พร้อมยืนยันว่าผู้บริหาร และ ส.ท.ฝ่ายบริหาร ไม่มีการชี้นำหรือแทรกแซงการเลือกตั้งดังกล่าว เพราะได้ปฏิบัติตามขั้นตอนและระเบียบของกระทรวงมหาดไทยแล้ว เพื่อความเป็นธรรมทุกฝ่าย
นายภวฤทธิ์ กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งดังกล่าว มีผู้สมัครเป็นคณะกรรมการชุมชนที่เกินกว่า 7 คน จำนวน 47 ชุมชน จาก 101 ชุมชน ทำให้ต้องมีการเลือกตั้งดังกล่าว บางชุมชนอาจมีผู้สมัคร 2-3 ทีม ถือเป็นทางเลือกให้ผู้มีสิทธืเลือกตั้งไปลงคะแนน ไม่ใช่การผูกขาดคณะกรรมการชุมชนเท่านั้น ส่วนชุมชนไหนที่มีผู้สมัครไม่เกิน 7 คน ได้รับเลือกเป็นคณะกรรมการชุมชนทันที โดยไม่ต้องเลือกตั้งเพราะไม่มีคู่แข่งขันอย่างใด
“กรณีมีการร้องเรียนว่า มีผู้บริหารและ ส.ท. ฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่น เข้าไปชี้นำ และแทรกแซงเลือกตั้งดังกล่าว ไม่เป็นความจริง เพราะในเขตเทศบาล มีทั้ง ส.ท.และสมาชืกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ ทับซ้อนพื้นที่ 3-4 เขต ขอให้เปิดเผยรายชื่อว่าเป็นใคร อย่าเหมารวม เพื่อให้สังคมได้ตัดสิน เรื่องดังกล่าว เชื่อว่าเป็นเกมการเมือง เพื่อดิสเครดิตผู้บริหารเทศบาลเท่านั้น เพราะเหลือเวลาไม่ถึงปีก่อนครบวาระ เลือกตั้งใหม่ปีหน้า” นายภวฤทธิ์ กล่าวตอนท้าย