ตามความห่วงใยและนโยบายเร่งด่วนของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศนภ.) และ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ที่สั่งการให้สถานศึกษาในสังกัดร่วมลงพื้นที่ช่วยประชาชนอย่างเต็มกำลัง เน้นย้ำข้อห่วงใยและความปลอดภัยเป็นสำคัญ
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 — นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยถึงการดำเนินงานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดสงขลา โดยกระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้ สอศ. จัดทีม Fix it – อาชีวะจิตอาสา ลงพื้นที่อย่างเร่งด่วน ครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่การซ่อมแซมยานพาหนะ–เครื่องใช้ไฟฟ้า การตรวจระบบไฟฟ้าภายในบ้าน ดูแลประชาชน ไปจนถึงมาตรการลดภาระผู้ปกครองด้านการแต่งกายนักเรียนและนักศึกษาในพื้นที่ประสบภัย
นายยศพล กล่าวว่า สอศ. ยกเว้น/ผ่อนผันการแต่งกายและรองเท้าในสถานศึกษา เพื่อบรรเทาภาระครัวเรือนที่อุปกรณ์การเรียนเสียหายจากเหตุอุทกภัย โดยมอบอำนาจให้ผู้อำนวยการสถานศึกษาในพื้นที่ภาคใต้พิจารณาตามความเหมาะสม (อ้างอิงประกาศ ศธ. 0606/ว19826) มาตรการนี้ช่วยให้เด็กและผู้ปกครองไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายช่วงวิกฤติ และยังคงมาเรียนได้อย่างปลอดภัย นักเรียน–นักศึกษา สามารถแต่งกายสุภาพตามที่สถานศึกษากำหนดได้ชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
สำหรับการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษาที่เปิดทำการหรือที่ยังไม่พร้อมเปิด ให้ผู้อำนวยการสถานศึกษาพิจารณาตามสถานการณ์ พร้อมนำแนวทางการเรียนการสอนรูปแบบต่างๆ เช่น ระบบออนไลน์ มาใช้ให้เหมาะสม
ในส่วนของการบริการ สอศ. ระดมกำลังอาชีวะจิตอาสาทั่วประเทศกว่า 2,000 คน จากสถานศึกษาทั้งในพื้นที่ภาคใต้และทั่วประเทศ ทั้งผู้บริหาร ครู บุคลากร และนักศึกษาอาชีวะ จัดตั้งศูนย์ Fix it อาชีวะจิตอาสา แล้วกว่า 50 ศูนย์ ให้บริการประชาชนตั้งแต่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะนี้มีผู้ขอรับบริการแล้วกว่า 8,500 รายการ โดยรถจักรยานยนต์ เป็นกลุ่มที่เข้ามาใช้บริการมากที่สุด รวมถึงรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป เช่น ตู้เย็น โทรทัศน์ เครื่องซักผ้า และเครื่องมือประกอบอาชีพ ซึ่งการให้บริการในศูนย์ Fix it อาชีวะจิตอาสา นี้สามารถประหยัดค่าใช่จ่ายประชาชนกว่า 3.33 ล้านบาท
นอกจากให้บริการ ณ ที่ตั้งแล้วทีม Fix it อาชีวะจิตอาสา ได้ลงพื้นที่ตรวจ ซ่อมระบบไฟฟ้าช่วยลดความเสี่ยงอันตรายหลังน้ำลดในเขต 8 หาดใหญ่ ถนนราษฎร์อุทิศ ซอย 32/1 และซอย 34 ตรวจสอบและซ่อมแซมระบบไฟฟ้าแล้วกว่า 55 ครัวเรือน ซ่อมแซมระบบแสงสว่างกว่า 192 รายการ และเข้าตรวจความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า 139 ครัวเรือน
รวมถึงโรงครัวอาชีวะ 15 แห่ง ให้บริการ อาหารและถุงยังชีพแล้วกว่า 155,000 ชุด เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
นายยศพล กล่าวเพิ่มเติมว่า อาชีวะมุ่งสร้างกำลังคนที่มีสมรรถนะและทักษะเพื่อพัฒนาประเทศ แต่เมื่อเกิดภัยพิบัติ อาชีวะยังเป็นแรงสำคัญที่ลงมือช่วยเหลือ ซ่อมจริงจากความรู้ทั้งงานช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างก่อสร้าง ครัวอาหาร และอีกหลายสาขาที่ร่วมใจช่วยเหลือ อาชีวะทุกคนทำด้วยใจ สะท้อนการบูรณาการพลังอาชีวะทั่วประเทศ ร่วมช่วยเหลือประชาชนอย่างจริงใจ
