


เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 นายเสฏฐวุฒิ วงศ์เลอวุฒิ นายอำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี เป็นประธานเปิดการประชุมปัจฉิมนิเทศโครงการปรับปรุงคลองธรรมชาติ ทางระบายน้ำ ประตูระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำในพื้นที่บางพลวง จังหวัดปราจีนบุรี ภายใต้งานสำรวจ ออกแบบ โครงการบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้งในแม่น้ำปราจีนบุรีและแม่น้ำสาขา จังหวัดปราจีนบุรี ณ ห้องประชุม The Garden Hall โรงแรมเดอะการ์เด้น 304 ตำบลท่าตูม อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี โดยมีผู้แทนกรมชลประทาน หน่วยงานภาครัฐภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน เกษตรกร/กลุ่มผู้ใช้น้ำ และสื่อมวลชนเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย

นายเสฏฐวุฒิ วงศ์เลอวุฒิ นายอำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า ในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี พอถึงช่วงฤดูฝนก็จะเกิดน้ำท่วม พอถึงช่วงฤดูแล้งน้ำเค็มหนุน ก็เกิดปัญหาภัยแล้งอีก ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและประมง ที่ผ่านมาประสบปัญหาทั้งน้ำท่วมและภัยแล้ง ต่อมาในระยะหลังมีก่อการสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยโขมง ก็ช่วยบรรเทาปัญหาได้ระดับหนึ่ง ต้องขอชื่นชมกรมชลประทานที่ได้จัดทำโครงการดังกล่าว เชื่อว่าถ้าโครงการนี้สำเร็จก็จะเกิดประโยชน์อย่างมาก ทั้งในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว จันทบุรีนครนายก ฉะเชิงเทราและชลบุรี เพราะจะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำให้สูงขึ้นถึง 130 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะกลายเป็นแก้มลิงขนาดใหญ่ เปลี่ยนจากเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำมาเป็นแก้มลิงอยู่ในคลองสาขาต่างๆ ก็ต้องฝากไปถึงกลุ่มผู้ใช้น้ำ และทุกภาคส่วนต้องบริหารจัดการน้ำให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ ภายใต้การดูแลของกรมชลฯ สำหรับโครงการนี้จะเป็นโมเดลต้นแบบให้พื้นที่ทั้งประเทศ 76 จังหวัดได้นำไปเป็นแบบอย่างอีกด้วย



“การที่กรมชลฯ เปลี่ยนวิถีจากการสร้างเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำมาเป็นแก้มลิง หรือคลองสาขาต่างๆ นั้น ถือว่าเป็นการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างดี อนาคตก็จะช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งได้ เพราะเรามีแก้มลิงกระจายเป็นเส้นเลือดฝอยทั้งประเทศ ซึ่งผมเห็นด้วยกับโครงการนี้ และเชื่อว่าหน้าฝนน้ำก็จะไม่ท่วม หรือหน้าแล้งก็จะมีน้ำทำนา เป็นที่ทราบกันดีว่ากรมชลฯ มีภารกิจในการป้องกันน้ำท่วมและภัยแล้ง จึงพยายามปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานให้เข้ากับสังคมยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป จึงได้เกิดโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง ก็ขอให้โครงการนี้สำเร็จตามเป้าหมายต่อไป เพราะจะเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง” นายอำเภอบ้านสร้าง กล่าว


ต่อจากนั้น นายพิเชษฐ รัตนปราสาทกุล ผู้อำนวยการสำนักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม กรมชลประทาน นำคณะผู้บริหารกรมชลฯ และสื่อมวลชนลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามความก้าวหน้างานสำรวจ ออกแบบ โครงการปรับปรุงคลองธรรมชาติ ทางระบายน้ำ ประตูระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำในพื้นที่บางพลวง ซึ่งเป็นโครงการที่มีเป้าหมายเพื่อใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการน้ำและบรรเทาน้ำท่วมขังในพื้นที่ที่เกิดขึ้นเป็นประจำเกือบทุกปี ช่วยขยายคลองเดิมให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้เร็วขึ้น และเพิ่มบานประตูระบายน้ำ เพิ่มอาคารควบคุมน้ำและเพิ่มสถานีสูบน้ำทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันกรมฯ ได้ทำการสำรวจและออกแบบเสร็จสมบูรณ์แล้ว ส่วนการประชุมในวันนี้ได้มีการชี้แจงเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว เพื่อบรรเทาอุทกภัยในลำน้ำปราจีนบุรีและลำน้ำสาขาต่างๆ ซึ่งประชาชนในพื้นที่จะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของราษฎรที่อยู่ในเขตพื้นที่โครงการและบริเวณใกล้เคียง และเพื่อลดปัญหาการย้ายถิ่นฐานของราษฎร โดยการส่งเสริมให้ราษฎรในท้องถิ่นมีอาชีพการเกษตรกรรมมากขึ้น
ทั้งนี้ การดำเนินโครงการได้จัดให้มีกิจกรรมการมีส่วนร่วมทั้งผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้นำท้องถิ่น ตลอดจนประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการพัฒนาโครงการ เพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะแนวทางต่างๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และนำไปสู่การจัดทำแผนการพัฒนาโครงการ ก่อนนำเสนอโครงการกับคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เพื่ออนุมัติแผนการพัฒนาต่อไป

นายพิเชษฐ เปิดเผยอีกว่า กรมชลประทานได้มอบหมายให้กิจการร่วมการค้า FCSPB JV ดำเนินการสำรวจ ออกแบบ โครงการปรับปรุงคลองธรรมชาติ ทางระบายน้ำ ประตูระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำในพื้นที่บางพลวง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการย่อยของโครงการบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้งในแม่น้ำปราจีนบุรีและแม่น้ำสาขา จังหวัดปราจีนบุรี ลักษณะและองค์ประกอบของโครงการ ประกอบด้วย 1) การปรับปรุงขุดลอกคลองในพื้นที่โครงการบางพลวง จำนวน 8 สาย ความยาวประมาณ 130 กม. ใช้การปรับปรุงขุดลอกคลองทั้งหมด 4 แบบ 2) เพิ่มสถานีสูบน้ำที่ ปตร.เดิม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับน้ำเข้าพื้นที่โครงการบางพลวง จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ สถานีสูบน้ำ ปตร.หาดยาง สถานีสูบน้ำ ปตร.บางพลวง และสถานีสูบน้ำ ปตร.หอทอง 3) อาคารควบคุมน้ำในแต่ละโซน เพื่อเป็นควบคุมน้ำในแต่ละโซน ตามแนวทางหลวงหมายเลข 3070, 319 และ 3076 จำนวน 18 แห่ง และ ปตร.บางต้นจิก 4) เพิ่มสถานีสูบน้ำ ที่ ปตร.เดิม จำนวน 4 แห่ง และประตูระบายน้ำพร้อมสถานีสูบน้ำ จำนวน 1 แห่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำบางปะกง 5) ประตูระบายน้ำวัดไผ่ขวาง กั้นคลองท่าลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ
สำหรับแผนงานสำรวจ ออกแบบ โครงการปรับปรุงคลองธรรมชาติ ทางระบายน้ำ ประตูระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำในพื้นที่บางพลวง มีกำหนดระยะเวลา 720 วัน (ปี 2567-2569) ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาวันที่ 20 กันยายน 2569 หลังจากนั้น จะนำเสนอโครงการฯ ต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เสนอเปิดโครงการต่อคณะรัฐมนตรี จัดเตรียมเอกสารประมูล เตรียมการก่อสร้าง และดำเนินการก่อสร้างโครงการต่อไป ซึ่งหากโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ จะช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก การขาดแคลนน้ำ ภัยแล้งและเพิ่มปริมาณเก็บกักน้ำในคลองที่ปรับปรุงทั้ง 8 สายเพิ่มขึ้น และกระจายน้ำเข้าคลองธรรมชาติในพื้นที่บางพลวงรวม 51 คลอง ทำให้พื้นที่ในโครงการบางพลวงมีน้ำใช้อย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึงทั้งพื้นที่บางพลวง



“แผนการออกแบบโครงการปรับปรุงคลองธรรมชาติ ทางระบายน้ำ ประตูระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำในพื้นที่บางพลวง ซึ่งเป็นองค์ประกอบในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่บางพลวง โดยการปรับปรุงขุดลอกคลอง เพิ่มสถานีสูบน้ำที่ปตร.เดิม อาคารควบคุมน้ำในแต่ละโซน เพิ่มสถานีสูบน้ำที่ ปตร.เดิม ประตูระบายน้ำพร้อมสถานีสูบน้ำ และประตูระบายน้ำวัดไผ่ขวาง ครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอ ในจังหวัดปราจีนบุรี ได้แก่ อำเภอเมืองปราจีนบุรี อำเภอศรีมหาโพธิ อำเภอศรีมโหสถ อำเภอบ้านสร้าง และ 2 อำเภอในจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้แก่ อำเภอราชสาส์น และอำเภอบางคล้า ยกตัวอย่างเช่น ปตร.หาดยาง เดิมมีประตูระบายน้ำ 1 บาน ก็จะทำเพิ่มอีก 1 บาน รวมเป็น 2 บาน และอีกหลายๆ โครงการจะต้องมีการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์มากที่สุด และตอบสนองความต้องการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และทำการเกษตรตลอดทั้งปี” ผอ.สำนักออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม กรมชลประทาน กล่าว

นายเกรียงศักดิ์ พุ่มนาค รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 9 กล่าวว่า แม่น้ำปราจีนบุรีเป็นแม่น้ำสายเล็ก มีความคดเคี้ยว จึงมีความจำเป็นต้องตัดคลองเลี่ยงเมืองเนื่องจากสภาพคลองมีขนาดเล็ก ประตูระบายน้ำมีขนาดเล็ก เพื่อให้น้ำไหลลงแม่น้ำบางปะกง และไหลลงสู่อ่าวไทยได้เร็วขึ้น ที่สำคัญคือคลองต่างๆ สามารถเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งได้ เพื่อควบคุมระดับน้ำไหลเข้าสู่ตัวเมือง เพื่อปิดกั้นพื้นที่เศรษฐกิจในเขตเมืองไม่ให้เกิดปัญหาอุทกภัย สำหรับพื้นที่เกษตรกรรมที่อยู่ในโครงการนี้มีประมาณ 3 แสนไร่ แบ่งเป็นพื้นที่นาข้าวและบ่อปลา ซึ่งใช้น้ำจากลำคลองต่างๆ เพื่อทำการเกษตรและเลี้ยงปลา ขณะนี้ขั้นตอนการออกแบบเสร็จแล้ว หลังจากนี้ทางกรมฯ จะจัดตั้งงบประมาณและขออนุมัติโครงการต่อไป มั่นใจว่าในอนาคตจะมีการใช้น้ำจากลำคลองต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เช่น โครงการปรับปรุงคลองธรรมชาติ ทางระบายน้ำ ประตูระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำในพื้นที่บางพลวง เพื่อให้มีน้ำใช้ในฤดูแล้ง ทั้งในการอุปโภคบริโภค ภาคการเกษตรและการผลิตน้ำประปา ช่วยลดปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำได้อีกด้วย

นายเอ บุญชัง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาบางพลวง สำนักงานชลประทานที่ 9 กล่าวว่า โครงการปรับปรุงคลองธรรมชาติ ทางระบายน้ำ ประตูระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำในพื้นที่บางพลวงจะดำเนินการปรับปรุงคลองเดิม มีพื้นที่การเกษตรประมาณ 5 แสนไร่ของจังหวัดปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพื้นที่ฝั่งซ้ายของจังหวัดปราจีนบุรี เนื่องจากไม่มีน้ำต้นทุน เกษตรกรจะใช้น้ำจากแม่น้ำปราจีนบุรีและแม่น้ำบางปะกง โดยการเปิดประตูระบายน้ำและสูบน้ำเข้าพื้นที่ สำหรับภูมิประเทศตรงบริเวณประตูระบายน้ำหาดยางเป็นพื้นที่ลาดเอียง ทำให้ในฤดูแล้งมีปัญหาต้องดันน้ำขึ้นที่สูง โดยในช่วงเดือนตุลาคมน้ำจะแล้ง เราจะใช้วิธีการสูบน้ำเข้าพื้นที่ ซึ่งลำบากมาก แม่น้ำปราจีนบุรีตรงบริเวณนี้จะมีความคดเคี้ยวมาก โดยการตัดยอดน้ำได้ประมาณ 40 กิโลเมตร เพื่อลดความเสียหายโครงการนี้ส่งผลดีคือสามารถเปิดน้ำเข้าพื้นที่ได้เลยและจะมีสถานีสูบน้ำขนาดใหญ่ขึ้น สะดวกยิ่งขึ้น โดยเพิ่มการระบายน้ำ เมื่อน้ำเยอะก็จะเร่งสูบออก เมื่อน้ำแล้งก็จะสูบเข้าเพื่อป้องกันน้ำเค็มรุกล้ำ


“สิ่งสำคัญที่สุดก็คือคลองมีขนาดใหญ่ขึ้น มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถเก็บกักน้ำและส่งน้ำไปถึงเกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในโครงการมีอยู่ 4 แสนกว่าไร่ แนวโน้มจะทำการเกษตรเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีน้ำเพิ่มขึ้น เมื่อเรามีน้ำแล้วก็ต้องมีการบริหารจัดการให้ดีที่สุด ซึ่งโครงการนี้ช่วยให้การบริหารจัดการน้ำได้ง่ายขึ้น ทางกลุ่มผู้ใช้น้ำก็เข้มแข็งขึ้น ช่วยลดอุทกภัยและภัยแล้ง โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจของจังหวัดปราจีนบุรีและอำเภอบ้านสร้าง” นายเอ กล่าว

ทางด้านนายวิษณุ เข็มเงิน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดงกระทงยาม เปิดเผยว่า ตำบลดงกระทงยามและตำบลหาดยางมีจำนวน 11 หมู่บ้าน ประชากร 5,000 กว่าคน 1,000 กว่าครัวเรือน โครงการประตูระบายน้ำบ้านวังชัน นับว่าเป็นโครงการที่ดี เป็นความโชคดีของชาวบ้านที่รอคอยมานาน อยากจะฝากถึงกรมชลฯ ให้ดำเนินการโครงการนี้สำเร็จ เพราะเกษตรกรทั้ง 2 ตำบล ทำนา 2 แสนไร่ มีความต้องการใช้น้ำ ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่อย่างมาก ถ้าในอนาคตมีน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและทำการเกษตรอย่างยั่งยืน จะส่งผลให้การประกอบอาชีพต่างๆ ดีขึ้น เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ส่วนการบริหารจัดการน้ำที่ผ่านมาก็ได้มีการประสานงานกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด รวมถึงโครงการปรับปรุงคลองธรรมชาติ ทางระบายน้ำ ประตูระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำในพื้นที่บางพลวง ซึ่งเป็นโครงการหลัก หากโครงการนี้สำเร็จก็จะมีการบูรณาการร่วมกัน เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำมีประสิทธิภาพและเกิดความยั่งยืนต่อไป

นายจักรกฤษณ์ แก่นวงค์ ประธานกลุ่มบริหารการ ใช้น้ำชลประทาน ตำบล ดงน้อย/กรรมการลุ่มน้ำ บางปะกงภาคเกษตรกรรม กล่าวว่า ในพื้นที่ตำบลดงน้อย อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนใหญ่ เป็นพื้นที่เกษตรกรรม ทำนาลุ่มสลับดอน นาปีกับนาปรังอาศัยน้ำฝนเพียงอย่างเดียว ถ้าน้ำฝนมาช้า เกษตรกรต้องปรับการทำนาให้เร็วขึ้น จากปลูกข้าว 4 เดือน มาเป็น 3 เดือน หรือ 100 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงฤดูน้ำหลาก ช่วงฤดูทำนาปรังก็ไม่มีน้ำต้นทุน จึงต้องใช้น้ำจากแม่น้ำบางปะกง ถ้าทำนาช้าก็เกิดความเสี่ยงน้ำเค็มรุกล้ำในพื้นที่ เราจึง มองว่าเป็นอุปสรรคอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่ชลประทานก็ตาม แต่เป็นคลองธรรมชาติ มีพื้นที่สูงๆ ต่ำๆ ซึ่งเป็นปัญหาที่ประสบอยู่เป็นประจำ สำหรับโครงการนี้ เป็นโครงการขยายคลองเดิมให้มีความสามารถในการระบายน้ำได้ดีขึ้น ปรับปรุงประตูระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำเพิ่มเติม ซึ่งตรงกับความต้องการของเกษตรกรและกลุ่มผู้ใช้น้ำ อยากได้คลองที่สามารถลำเลียงน้ำได้ดี และป้องกันน้ำเค็มรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ จึงจำเป็นต้องมีประตูระบายน้ำ สถานีสูบน้ำ และมีคลองระบายน้ำอย่างทันท่วงที และอยากให้มีการสร้างทดระบายน้ำ (ทบร.) เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ลุ่มสลับดอนได้รับประโยชน์ ซึ่งทางกลุ่มผู้ใช้น้ำก็เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว เพื่อให้การระบายน้ำดีขึ้น และระบายน้ำได้ง่ายขึ้น รวมทั้งการบริหารจัดการน้ำก็ง่ายขึ้น สามารถส่งน้ำให้พื้นที่เป้าหมายได้เร็วขึ้น
“ทุกวันนี้เราอยู่ในพื้นที่รับน้ำที่ไกลที่สุด เป็นพื้นที่เกษตรกรรม เพราะ ฉะนั้นโครงการนี้จึงมีความสำคัญมากๆ ถ้าโครงการนี้สำเร็จ ก็จะสามารถลำเลียงน้ำได้ดี ช่วยลดต้นทุนในการสูบน้ำได้มาก มีน้ำใช้อย่างทั่วถึงครอบคลุมทุกพื้นที่” ประธานกลุ่มบริหารการใช้น้ำชลประทานตำบลดงน้อยฯ” กล่าว
