วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 น. พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี รองประธานกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมด้วยนายธนฤทธิ์ รัชตะประกร ผู้อำนวยการกองประสานงานโครงการพื้นที่ 2 และคณะอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อประชุมติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยรับฟังรายงานสรุปภาพรวมการดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สรุปสถานการณ์น้ำในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งสถานการณ์น้ำของลุ่มน้ำมูล โอกาสนี้ องคมนตรีและคณะได้ให้ข้อเสนอแนะเพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามพระบรมราโชบายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้น้ำของโครงการฯ
จากนั้น องคมนตรีและคณะเดินทางไปยังพื้นที่จุดบรรจบแม่น้ำชี-มูล บ้านท่าขอนไม้ยูง หมู่ที่ 12 ตำบลบุ่งหวาย อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี โดยรับฟังรายงานการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำชี-มูล พร้อมกับพบปะกลุ่มประมงพื้นบ้าน และปล่อยพันธุ์ปลาเพื่อขยายพันธุ์ต่อไป
ในช่วงบ่าย องคมนตรีและคณะเดินทางไปติดตามผลการดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยพลาญเสือตอนล่างอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมกับพบปะกลุ่มผู้ใช้น้ำและราษฎรผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการ โอกาสนี้ได้มอบเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทานให้แก่ตัวแทนกลุ่มผู้ใช้น้ำ จากนั้น องคมนตรีให้ข้อเสนอแนะเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการบริหารการจัดการน้ำ และร่วมปล่อยปลาลงสู่อ่างเก็บน้ำฯ
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2528 ณ โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเดียก จังหวัดสกลนคร พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรมีพระราชดำริสรุปความว่า จะต้องทำการพัฒนาให้เข้าใกล้ชายแดนมากขึ้น จะต้องเข้าไปถึงในที่ที่จะทำให้สามารถสร้างหมู่บ้านตามชายแดน ซึ่งจะเป็นส่วนที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศได้มากขึ้น ตามแผนที่นั้นมีแห่งหนึ่งที่เป็นช่องเห็นได้ชัด คือ ช่องบกในเขตอำเภอน้ำยืน ในบริเวณนี้จะมีห้วย 2 ห้วยมาบรรจบกัน เราก็สามารถกั้นอ่างเก็บน้ำสูงประมาณ 10 เมตร ถ้าทำระบบให้ดีก็สามารถเลี้ยงพื้นที่ได้ถึง 10,000 ไร่ และในปี 2530 กรมชลประทานจึงดำเนินการก่อสร้างเขื่อนดิน ความกว้าง 8 เมตร ยาวรวม 2,170 เมตร แยกเป็น 2 ฝั่ง ได้แก่ ฝั่งลำห้วยผึ้ง 1,100 เมตร ฝั่งลำห้วยพลาญเสือ 1,070 เมตร ความสูง 13.50 เมตร ขนาดความจุของอ่างเก็บน้ำที่ระดับเก็บกักน้ำปกติ ประมาณ 33.50 ล้านลูกบาศก์เมตร ดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2531 โดยมีลำห้วยพลาญเสือ เป็นลำห้วยในลุ่มน้ำลำโดมใหญ่ มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาสูงบริเวณชายแดนรอยต่อ 3 ประเทศ (สามเหลี่ยมมรกต) ไหลมารวมกับลำห้วยบอนและลำห้วยโปร่งลิง (ฝั่งซ้าย) นอกจากนั้นยังมีลำห้วยผึ้ง (ฝั่งขวา) สภาพพื้นที่บริเวณด้านเหนืออ่างฯ เป็นเนินเขาสูง สำหรับด้านท้ายอ่างฯ เป็นที่นา สลับป่าโปร่ง ในปี 2532 ก่อสร้างระบบส่งน้ำประกอบด้วยคลองส่งน้ำ 1 สาย และสายซอย 7 สาย รวมความยาว 27.81 กิโลเมตร และอาคารประกอบในคลองรวม 214 แห่ง ดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2536 และในปี 2559 ได้ดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยพลาญเสือตอนล่างอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยการปรับปรุงการเก็บกักน้ำจากปริมาณน้ำจากเดิม 33.50 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 41.00 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 7.50 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยการเพิ่มระดับน้ำเก็บกักด้วยการติดตั้งบานระบายน้ำแบบพับได้ลงบนสันฝายเดิมพร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดบานระบายน้ำแล้วเสร็จเมื่อปี 2560
ปัจจุบันโครงการสามารถช่วยเหลือราษฎรหมู่บ้านโนนสูง ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน และหมู่บ้านแก้งเรือง บ้านแก้งขี้เหล็ก และบ้านทุ่งเงิน อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี ให้มีน้ำใช้สำหรับอุปโภคบริโภค และสนับสนุนพื้นที่ทั้งหมดของโครงการประมาณ 6,850 ไร่ เป็นพื้นที่ชลประทาน 5,823 ไร่ และส่งน้ำให้พื้นที่เพาะปลูกในฤดูแล้ง 1,000 ไร่ ซึ่งเกษตรกรสามารถปลูกข้าวนาปีและนาปรัง มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน ยางพารา รวมทั้งสามารถแก้ไขปัญหาภัยแล้งและบรรเทาอุทกภัยในช่วงฤดูฝนได้ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งน้ำดิบสำรองเพื่อการผลิตน้ำประปาในเขตพื้นที่ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี อีกด้วย