กรมชลประทานลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ พร้อมผลักดัน 4 แผนงานโครงการอาคารบังคับน้ำเร่งด่วน หวังเป็นเครื่องมือแก้ภัยแล้ง-น้ำท่วมสองฝั่งลำน้ำน่าน

กรมชลประทานนำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่เมืองปากน้ำโพ เตรียมดัน 4 โครงการประตูระบายน้ำเร่งด่วน วางเป้าแก้ภัยแล้ง-น้ำท่วมสองฝั่งลำน้ำน่าน

นายพนมศักดิ์ ใช้สมบุญ ผู้อำนวยการส่วนวางโครงการที่ 1 สำนักบริหารโครงการ กรมชลประทาน พร้อมด้วยนายพรชัย ไวสุ ปลัดอำเภอชุมแสง นายเอกฉัตร เอี่ยมตาล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครสวรรค์ นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ พร้อมเสนอ 4 แผนงานโครงการอาคารบังคับน้ำเร่งด่วน เพื่อเป็นเครื่องมือแก้ภัยแล้ง-น้ำท่วมในลำน้ำน่าน


นายพรชัย ไวสุ ปลัดอำเภอชุมแสง กล่าวว่า ในส่วนของอำเภอชุมแสงเป็นพื้นที่ลุ่มรับน้ำจากแม่น้ำน่านและแม่น้ำยมในช่วงฤดูน้ำหลาก ส่วนในฤดูแล้งจะขาดแคลนน้ำ ทำให้พื้นที่อำเภอชุมแสงประสบปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง ประชาชนจึงมีความต้องการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ 80% ประกอบอาชีพทำนา จากการประชุมกลุ่มย่อยที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับโครงการอาคารบังคับน้ำวังหมาเน่า และมีความต้องการอยากจะให้โครงการนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งได้มีการผลักดันโครงการมาอย่างต่อเนื่องกว่า 50 ปี


ทั้งนี้ หากมีโครงการอาคารบังคับน้ำวังหมาเน่า ที่ตั้งอยู่ในเขตบ้านย่านสวย ตำบลทับกฤช อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ ก็จะมีประโยชน์ต่อพื้นที่การเกษตรในอำเภอชุมแสง สามารถยกระดับและการบริหารจัดการน้ำทั้งในฤดูน้ำหลากและฤดูน้ำแล้งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ช่วยลดการสูญเสียทรัพย์สินต่าง ๆ ในช่วงฤดูน้ำหลาก เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง ส่งผลให้คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น

ด้านนายพนมศักดิ์ ใช้สมบุญ ผู้อำนวยการส่วนวางโครงการที่ 1 สำนักบริหารโครงการ กรมชลประทาน กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันลำน้ำน่าน ในเขตจังหวัดน่าน พิษณุโลก พิจิตร และนครสวรรค์ มักประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำเนื่องจากไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำในพื้นที่ ทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำและปัญหาอุทกภัยเป็นประจำทุกปี กรมชลประทานจึงได้มีนโยบายที่จัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติม โดยการใช้ลำน้ำน่านเป็นแหล่งเก็บกักน้ำ โดยเมื่อ ปี 2566-2567 กรมชลประทานได้ดำเนินการศึกษาแผนหลักการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของอาคารบังคับน้ำในแม่น้ำน่านและได้ทำการคัดเลือกโครงการเพื่อศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมแล้วเสร็จ จำนวน 2 โครงการ คือ โครงการประตูระบายน้ำน้ำปั้ว-ไหล่น่าน จังหวัดน่าน และโครงการประตูระบายน้ำฆะมัง จังหวัดพิจิตร


ต่อมาในปี 2567-2568 ได้ดำเนินการศึกษาทบทวนแผนหลักอาคารบังคับน้ำในแม่น้ำน่าน พบว่ามีโครงการที่มีศักยภาพเป็นอาคารบังคับน้ำในแม่น้ำน่าน จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ (1) โครงการอาคารบังคับน้ำผาจา ที่ตั้งอยู่ในเขต บ.หัวเมือง ต.แงง อ.ปัว จ.น่าน มีความจุเก็บกัก 1.64 ล้าน ลบ.ม.และ พื้นที่ชลประทาน 7,129 ไร่ (2) โครงการอาคารบังคับน้ำท้ายเมืองพิษณุโลก ที่ตั้งอยู่ในเขตของศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 6 จังหวัดพิษณุโลก ต.งิ้วงาม อ.เมือง จ.พิษณุโลก มีความจุเก็บกัก 44.33 ล้าน ลบ.ม. และพื้นที่ชลประทาน 18,267 ไร่ (3) โครงการอาคารบังคับน้ำโคกสลุด ที่ตั้งอยู่ในเขต ต.โคกสลุด อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ความจุเก็บกัก 30.79 ล้าน ลบ.ม. และพื้นที่ชลประทาน 9,200 ไร่ (4) โครงการอาคารบังคับน้ำบางไผ่ (อาคารบังคับน้ำบ้านห้วยคตเดิม) ที่ตั้งอยู่ในเขต บ.โพธิ์แดน ต.บางไผ่ อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร มีความจุเก็บกัก 31.58 ล้าน ลบ.ม. และพื้นที่ชลประทาน 59,557 ไร่ (5) โครงการอาคารบังคับน้ำวังหมาเน่า ที่ตั้งอยู่ในเขต บ.ย่านสวย ต.ทับกฤช อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ มีความจุเก็บกัก 33.02 ล้าน ลบ.ม. และพื้นที่ชลประทาน 38,454 ไร่ โดยแผนงานต่อไปจะทำการจัดลำดับความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วนมาศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม จำนวน 4 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จตามแผนงานในเดือนธันวาคม 2568 นี้

ขณะที่ นายเอกฉัตร เอี่ยมตาล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครสวรรค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมชลประทานมีการบริหารจัดการน้ำทั้งในฤดูฝนและฤดูแล้ง ซึ่งในฤดูน้ำหลากจะไหลลงสู่บึงบอระเพ็ด ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วม ขณะนี้ได้มีการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทำการศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการอาคารบังคับน้ำวังหมาเน่า จากการศึกษาพบว่ามีผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 280 ราย พื้นที่ประมาณ 100 ไร่ โดยจะมีการจ่ายค่าชดเชยที่ดินตามกฎหมาย ถ้าหากดำเนินการก่อสร้างโครงการอาคารบังคับน้ำวังหมาเน่าเสร็จสิ้น ก็จะช่วยหน่วงน้ำเข้าบึงบอระเพ็ดเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง จะมีระบบการบริหารจัดการน้ำแบบขั้นบันได สามารถกักเก็บน้ำได้เพิ่มขึ้น เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรในพื้นที่ ทำให้ผลผลิตสูงขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อกรมชลประทานดำเนินการตามแผนงาน 5 โครงการแล้วเสร็จ จะสามารถเก็บกักน้ำในลำน้ำน่านเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 140.30 ล้าน ลบ.ม. สามารถส่งน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรประมาณ 132,600 ไร่ และเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำในฤดูน้ำหลาก ช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง เป็นแหล่งน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศลำน้ำน่าน สนับสนุนประเพณีท้องถิ่น ส่งเสริมการท่องเที่ยวและกิจกรรมการใช้น้ำอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต

“กรมชลฯ มีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรเป็นหลักเพราะฉะนั้นมีเมื่ออาคารบังคับน้ำที่จะช่วยยกระดับน้ำขึ้นมา แต่ไม่ให้เกินศักยภาพของตลิ่ง โดยจะคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมตลิ่ง เพื่อเพิ่มศักยภาพของการเก็บกักน้ำในช่วงฤดูแล้งและฤดูฝนควบคู่กันไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในเมื่อเรามีอาคารบังคับน้ำเพิ่มขึ้น การบริหารจัดการน้ำต้องเป็นระบบมากขึ้น ส่วนในเรื่องของมวลชนสัมพันธ์ก็ได้มีการลงพื้นที่รับฟังปัญหาอย่างต่อเนื่อง โดยกรมชลฯ ได้มีการศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย เพราะว่าเกษตรกรคือหัวใจของน้ำ น้ำคือชีวิต สามารถปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนได้” ผอ.โครงการชลประทานนครสวรรค์ กล่าว



ด้านนายสมชาย ปลั่งสุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทับกฤช กล่าวเพิ่มเติมว่า ในพื้นที่ตำบลทับกฤช อำเภอชุมแสง และอีกหลาย ๆ อำเภอในจังหวัดนครสวรรค์ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบึงบอระเพ็ดประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคและทำการเกษตรมาโดยตลอด จึงได้มีการตั้งเครื่องสูบน้ำพลังงานไฟฟ้าขึ้นมาทดแทน เพื่อเติมน้ำในบึงบอระเพ็ด ทำให้ข้าวได้ผลผลิตดี ซึ่งเกษตรกรได้มีการรวมกลุ่มบริหารจัดการน้ำ และเมื่อมีการก่อสร้างโครงการอาคารบังคับน้ำวังหมาเน่าเสร็จสิ้น จะมีน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้น เกษตรกรก็สามารถทำนาปรังได้และมีน้ำใช้เพื่อการเกษตรอย่างยั่งยืน ข้าวได้ผลผลิตดี และทำประมงเพาะเลี้ยงพันธุ์สัตว์น้ำจืด ส่งผลให้มีอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ วิถีชีวิตความเป็นอยู่เปลี่ยนแปลงดีขึ้น

นายประเสริฐ ศรีปัญญา ประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าลุ่มน้ำน่านจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า เกษตรกรมีความต้องการอยากจะได้อาคารบังคับน้ำในลุ่มน้ำน่านแบบขั้นบันได เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง นอกจากนี้ยังได้ปลูกจิตสำนึกให้เกษตรกรในแถบลุ่มน้ำน่านร่วมกันปลูกป่าต้นน้ำและสร้างฝายชะลอน้ำ ซึ่งเห็นด้วยกับโครงการอาคารบังคับน้ำ ถ้าหากโครงการอาคารบังคับน้ำทั้ง 7 แห่งเสร็จสิ้น ก็จะเกิดประโยชน์มหาศาล โดยจะมีแก้มลิงสำหรับกักเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค และทำการเกษตรในช่วงฤดูแล้งอย่างยั่งยืน

“อยากจะฝากถึงลูกหลานว่าเราต้องใช้น้ำอย่างประหยัด เพราะน้ำทุกหยดมีคุณค่า ไม่ว่าพืชหรือสัตว์จะขาดน้ำไม่ได้ ถ้าหากมีการบูรณาการป่าต้นน้ำให้ดี ฝนก็ตกตามฤดูกาล พื้นที่ในเขตลุ่มน้ำน่านจะมีความอุดมสมบูรณ์ ไม่ขาดแคลนน้ำ” นายประเสริฐ กล่าว

นายสมาน กันทา กรรมการน้ำน่าน ฝ่ายเกษตรกรรม กล่าวว่า ที่ผ่านมาใช้เครื่องสูบน้ำเข้าพื้นที่การเกษตร 20,000 กว่าไร่ ทำให้ข้าวได้ผลผลิตดี เกษตรกรสามารถลืมตาอ้าปากได้ ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจากการปลูกป่าต้นน้ำที่จังหวัดน่าน อีกทั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำได้รวมตัวกันผลักดันให้มีการก่อสร้างอาคารบังคับน้ำมาหลายปี ซึ่งเป็นความหวังของพี่น้องประชาชน ก็หวังว่าโครงการนี้จะเสร็จสิ้นโดยเร็ว เพราะน้ำเป็นหัวใจสำคัญต่อการดำรงชีวิต ผมคิดว่าในอนาคตถ้ามีอาคารบังคับน้ำในพื้นที่ น้ำก็จะอุดมสมบูรณ์ เกษตรกรจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ข้าวก็จะได้ผลผลิตดีขึ้นด้วย

นายเที่ยง ข้อยุ่น เกษตรกรผู้ใช้น้ำในพื้นที่ตำบลทับกฤชและเจ้าของที่ดินบริเวณก่อสร้าง ปตร.วังหมาเน่า กล่าวว่า ตนเองประกอบอาชีพทำนาและปลูกพืชไร่ โดยที่ผ่านมาประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง และมีความต้องการใช้น้ำทำการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง ส่วนในฤดูฝนก็จะเกิดปัญหาน้ำท่วม เพราะเป็นเขตพื้นที่น้ำท่วม โดยส่วนตัวเห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ก่อให้เกิดความเจริญในพื้นที่ได้รับประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน เกษตรกรมีน้ำใช้ตลอดทั้งปี เพราะน้ำเป็นปัจจัยหลักต่อการอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร ถ้าน้ำสะดวก ทุกอย่างก็จะดีขึ้นตามไปด้วย สามารถปลูกพืชได้หลากหลายมากขึ้น และในอนาคตจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในตำบลทับกฤชอีกด้วย