เปิดโรงงาน “ไฮไลฟ์ โกลบอลฟู้ดส์” มูลค่า 422 ล้าน ชูรักษ์สิ่งแวดล้อม-รักชุมชน ตั้งเป้าผู้ส่งออก 1 ใน 5 ของประเทศภายในปี 2030 ก่อนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์

วันที่ 10 ธันวาคม 2567 ที่โรงแรมยูนิมมาน เชียงใหม่ ดร.บัณฑิต จำรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไฮไลฟ์ โกลบอล ฟู้ดส์จำกัด ภายใต้กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์แถลงข่าวเปิดตัวโรงงานไฮไลฟ์โกลบอล ฟู้ดส์ มูลค่ากว่า 400ล้านบาท หมู่ 17 ต.ดอยหล่อ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ว่า ไฮไลฟ์โกลบอล ฟู้ดส์ มีนโยบายชูเทคโนโลยีในกระบวนการผลิตอาหาร-ผลไม้ สดและแปรรูป รักษ์สิ่งแวดล้อม รักชุมชน ภายใต้การวาง แผนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำกลาง น้ำ และปลายน้ำ เพื่อผลิตอาหารอินทรีย์เพื่อสุขภาพ ซึ่งใช้เวลาดำเนินการ 2 ปี เพื่อไปสู่จุดหมาย

ปัจจุบันมีทีมส่งเสรืมการเกษตรเพื่อผลิตมันฝรั่ง ผักสลัด และพืชผักผลไม้ ภายใต้บันทึกข้อตกลง หรือความร่วมมือ (MOU) กับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อต่อยอดขยายผลการผลิตดังกล่าวให้ได้มาตรฐาน มีคุณภาพ และเพิ่มมูลค่าผลผลิต หรือผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดแล้ว อาทิ ลำไยอบแห้ง กล้วยหอมอบ มะม่วงอบแห้ง สัปปะรดอบแห้งข้าวแต๋นรสทุเรียน และรสต้มยำโดยมีเป่าหมายส่งออกเป็นหลัก70 % ในประเทศ 30 % ซึ่งตลาดส่งออก ส่วนใหญ่เป็นสหรัฐอเมริกา สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ญี่ปุ่นเฉลี่ยเดือนละ 150-200 ตัน ซึงเป็นตลาดบน และตลาดกลาง

“ทุกผลิตภัณฑ์ ต้องมีการศึกษาวิจัย เพื่อตอบโจทย์ตลาดของผู้บริโภคในด้านราคา และกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้ลูกค้า หรือผู้บริโภคเข้าถึงง่าย เลือกซื้ออย่างเหมาะสม ภายใต้การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และชุมชนที่อยู่ใกล้โรงงานดังกล่าว ซึ่งตั้งเป้ายอดขายปีละ 400-500 ล้านบาท คาดการลงทุนดังกล่าวคุ้มทุนภายใน 5 ปี” ดร.บัณฑิต กล่าว

เหตุที่เปิดโรงงานดังกล่าว เพราะธรุกิจผลิตและแปรรูปผัก ผลไม้ สามารถตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคได้ และมีการเตืบโตอย่างต่อเนื่อง ทั่งนี้มีแผนขยายการผลิต หรือเปิดโรงงานใหม่อีก 2แห่ง เป็น 3 แห่ง โดยเพิ่มการลงทุนอีก 30-40 % เพื่อให้บริษัทฯเป็นผู้นำส่งออกของภาคเหนือภายใน 3-5 ปี และเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ 1 ใน 5 ของประเทศภายในปี 2030 ก่อนนำบริษัทฯเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ต่อไป

นายชูโบดีป ดัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ กล่าวว่า ได้ลงทุนสร้างโรงงานมูลค่ากว่า 422 ล้านบาท ที่ได้มาตรฐานระดับสากล ภายใต้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์และการสร้างเครดิตคาร์บอน พร้อมติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บนหลังคาที่มีความจุ 999 กิโลวัตต์ ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานกว่า 1 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ภายใน 20 ปี ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 1,000,200 ตัน/ปี และสร้างเครดิตคาร์บอนซึ่งเป็นแนวทางที่ไม่เหมือนใครในอุตสาหกรรมดังกล่าว เพื่อก้าวสู่ระดับผลิตภัณฑ์ (CFP) และองค์กร (CFO) ก่อนนำไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนตามลำดับ

“คาดหวังธุรกิจดังกล่าว เกิดผลดีต่อสังคม ชุมชน ตามนโยบายอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างยั่งยืนทั้งการจ้างงานโดยรอบโรงงานการรับซื้อผลผลิตเกษตรจากชุมชน และการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) การจ่ายคืนระบบภาษีท้องถิ่น เพื่อให้บริษัทฯ และชุมชน พัฒนาเติบโตไปพร้อมกันอย่างเกื้อกูลและยั่งยืนต่อไป” นายชูโบ ดีส กล่าวทิ้งท้าย