วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ที่ศาลาจังหวัดเชียงใหม่ สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ เครือข่ายม้ง 54 หมู่บ้าน จ.เชียงใหม่และกลุ่มชาติพันธุ์ กว่า 300 คน นำโดยนายเมธาพันธ์ ภุชกฤษดาภร ประธานเครือข่ายชาติพันธุ์ม้ง จ.เชียงใหม่ นายวิชิต เมธาอนันต์กุล นายกเทศมนตรีตำบลแม่แรม อ แม่ริม พร้อมตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์กว่า 10 คน ได้ยื่นหนังสือถึง น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีผ่านนายทศพล เผื่อนอุดมรองผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ เพื่อคัดค้านร่างพระราชกฤษฏีกาโครงการอนุรักษ์ดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ เนื่องจากประชาชนที่อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์กว่า 4,000 ชุมชน ได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งนายทศพลได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ เพื่อนำเสนอรัฐบาลพิจารณาข้อเรียกร้อง ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 12 พฤศจิกายน ตามลำดับ
ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุม ได้ออกแถลงการณ์คัดค้าน และเรียกร้องรัฐบาล 2 ข้อ 1.ยุตินำร่างพระราชกฤษฏีกาโครงการอนุรักษ์ดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ ตาม ม.64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 และร่างพระราชกฤษฏีกาตาม ม.121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 หลายมาตรา มีลักษณะขัดหรือแย้งกับหลักการสำคัญที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ ซึ่งกระทบสิทธิของบุคคลและชุมชนตาม ม.43 และไม่เป็นไป ตาม ม.57แห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560จึงไม่ชอบด้วยกฏหมาย 2.ให้รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีเร่งปรับปรุงแก้ไขพระราชกฤษฏีกาทั้ง 2 ฉบับ และพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนด้วย
ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุม ได้นำพวงหรีดสีดำและหุ่นฟาง มาวางไว้ด้านหน้าทางขึ้นศาลากลาง พร้อมชูป้ายมีข้อความว่า เราคือผู้บุกเบิกไม่ใช่ผู้บุกรุก และ เรามาเพื่อปกป้องสิทธิของเรา ท่ามกลาง อส.ที่มาดูแลรักษาความปลอดภัยกว่า 10 นาย และมีรถสายตรวจสภ.ช้างเผือก อ.เมือง 1 คันพร้อมเจ้าหน้าที่กว่า 5 นาย ดูแลเรื่องการจราจร โดยใช้กรวยปิดถนนบริเวณที่ชุมนุม โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและการข่าวกว่า 10 นาย สังเกตการณ์ เพื่อรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมได้ขอให้ น.ส.แพรทองธารพิจารณาตามข้อเรียกร้อง หากรัฐบาลเพิกเฉย อาจมาชุมนุมเพื่อมาติดตามเรื่องดังกล่าวกับ น.ส.แพรทองธาร โดยตรงในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่ จ.เชียงใหม่ วันที่ 29-30 พฤศจิกายน ต่อไป