วันที่ 26 กันยายน 2567 พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (ผบ.นบ.ยส.35) เผยว่า จากการข่าวด้านความมั่นคงพบว่าการผลิตยาเสพติดตามแนวชายแดนยังคงมีปริมาณมากถึง แม้ว่าหลายพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวมีเสรีในการผลิต และการผลิตยาไม่ยุ่งยาก สามารถใช้สารสังเคราะห์หรือสารตั้งต้นที่หาได้จากหลายๆประเทศโดยเฉพาะจากประเทศจีน อินเดีย และเวียดนาม เนื่องจากประเทศเหล่านี้ไม่มีกฎหมายควบคุมจึงทำให้การผลิตยาเสพติดง่ายและสามารถผลิตได้เป็นจำนวนมาก ประกอบกับประเทศเพื่อนบ้านยังมีการสู้รบ จึงต้องการทุนมาใช้ในการพัฒนากำลังทหารและอาวุธ ส่วนที่ไม่มีการสู้รับมักนำทุนจากค้ายาเสพติดมาใช้ในการพัฒนาเขตพื้นที่เศรษฐกิจของตนเอง ประกอบกับปัจจุบันประเทศไทยมีความต้องการในการใช้ยาบ้ากว่า 70-80 % ส่วนไอซ์และเฮโรอีน มีความต้องการใช้ภายในกว่า 20-30 % ที่เหลือส่งขายนอกประเทศคาดมีปริมาณยา ที่รอการนำเข้าชายแดนกว่า 50 ล้านเม็ด เนื่องจากเกิดความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วม
พล.อ.นฤทธิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของแนวชายแดนที่เป็นความรับผิดชอบของ นบ.ยส.35 เราดำเนินการเต็มที่ในการสกัดกั้นตามแนวชายแดนโดยมีการบูรณาการกำลังจากฝ่ายทหาร ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน ฝ่ายปกครอง นรข.ตลอดจนอำเภอที่อยู่ตามแนวชายแดน เพื่อไม่ให้ยาเสพติดเข้ามาพื้นที่ตอนใน ทั้งนี้อาจมียาบางส่วนที่เล็ดลอดออกไปแต่เราก็ทำงานกันอย่างเต็มที่ตามบทบาทของตนเอง ประกอบกับรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนงบประมาณในการจัดหาอุปกรณ์เครื่องมือพิเศษเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน และลดความเสี่ยงให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ถือว่าปีนี้เราประสบความสำเร็จในการสกัดกั้น ส่วนด้านการป้องกันค่อนข้างทำได้อยาก โดยเฉพาะการลดความต้องการภายในประเทศ ซึ่งต้องฝากประชาชน ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและผู้ปกครองต้องช่วยกันดูแลคนในชุมชนของตนเองและความเอาจริง เอาจังของภาครัฐ เพื่อไม่ให้ประชาชนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหายาเสพติด หากไม่มีความต้องการ การผลิตก็จะลดน้อยลง
ทั้งนี้จาการบูรณาการหน่วยงานพลเรือน ทหาร ตำรวจ ในการสกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติดในพื้นที่ 6 จังหวัด 18 อำเภอ ชายแดนภาคเหนือ พบว่า ตลอดปีงบประมาณ 2567 นบ.ยส.35 มีผลการดำเนินงานในพื้นที่ปฏิบัติการ สามารถตรวจยึดยาบ้าได้กว่า 256 ล้านเม็ดเศษ , ไอซ์ 3,432 กิโลกรัม, เฮโรอีน 357 กก. ฝิ่นดิบ 206 กก., คีตามีน 561 กก., จับกุมผู้ต้องหา 1,609 ราย, กลุ่มขบวนการเสียชีวิต 31 ศพ จากเหตุการณ์ปะทะ 44 ครั้ง ในพื้นที่ชายแดน ปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายทั้งสิ้น 124 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหาได้ 30 ราย ยึดทรัพย์สินได้มูลค่าประมาณ 12.5 ล้านเศษ สืบสวนขยายผลเครือข่ายนักค้ารายสำคัญ 39 เครือข่าย จับกุมผู้ต้องหาได้ 65 ราย และขยายผลจนนำไปสู่การออกหมายจับบุคคลในเครือข่ายเพิ่มอีก 14 ราย ยึดทรัพย์ได้อีก 122 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาในห้วงเวลาเดียวกัน พบว่า สามารถตรวจยึดยาบ้าเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาจำนวน 170 ล้ายเม็ด
อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ยาเสพติดที่มีการตรวจยึดจับกุมอย่างต่อเนื่อง หน่วยยังคงดำเนินการด้วยความเข้มข้นเพื่อมิให้เกิดช่องว่างอันเกิดจากความไม่ต่อเนื่องในการสับเปลี่ยนกำลังระหว่างปีงบประมาณ เพื่อให้หน่วยสามารถจัดกำลังขึ้นปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป