องคมนตรีปฏิบัติราชการพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ จังหวัดปัตตานี

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.30 น. นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี พร้อมด้วยนางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการ กปร. และเจ้าหน้าที่เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ร่วมพิธีถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในการช่วยเหลือราษฎรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตลอดจนทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจให้การสนับสนุนกิจกรรมของศาสนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ราษฎรสามารถใช้ชีวิตและปฏิบัติศาสนกิจตามหลักคำสอนของศาสนาและอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข โอกาสนี้ องคมนตรีและคณะได้ร่วมสวดดุอา และลงนามถวายพระพรร่วมกับผู้นำศาสนาและชาวไทยมุสลิม

สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานีมีหน้าที่กำกับดูแล บริหารกิจการศาสนาอิสลาม โดยให้คำปรึกษาที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ชาวไทยมุสลิมได้รู้หลักธรรมคำสอนในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านอย่างถ่องแท้และปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างความสมัครสมานสามัคคี ความสัมพันธ์อันดีระหว่างชาวไทยมุสลิมและต่างศาสนิก รวมถึงกำกับดูแลการคัดเลือกกรรมการอิสลามประจำมัสยิดให้เป็นไปโดยเรียบร้อย

ช่วงบ่าย องคมนตรีและคณะเดินทางไปยังกองร้อย ตชด.444 อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เพื่อเชิญสิ่งของพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีไปมอบให้แก่กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 150 ถุง โอกาสนี้ องคมนตรีเชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีที่ทรงมีต่อผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยให้แก่ประชาชนและประเทศชาติไปกล่าว เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

จากนั้น องคมนตรีและคณะเดินทางไปยังบ้านนายวาเดง ปูเตะ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เพื่อเยี่ยมครอบครัวนายวาเดง ซึ่งเป็นราษฎรที่เคยรับเสด็จและให้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพพื้นที่และความเป็นอยู่ของชาวบ้านแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อครั้งเสด็จฯ ไปยังพื้นที่พรุแฆแฆ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2535 เพื่อศึกษาหาวิธีระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มช่วงที่น้ำหลาก และการเก็บกักน้ำช่วงหน้าแล้ง เพื่อให้ชาวบ้านได้มีน้ำใช้เพื่อการเพาะปลูก ซึ่งนายวาเดงยังได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายที่ดินเพื่อดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างของการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอีกด้วย ปัจจุบันนายวาเดงได้เสียชีวิตด้วยโรคชราเมื่อปี 2555 ซึ่งครอบครัวยังได้รับการสนับสนุนส่งเสริมอาชีพ ด้านการเกษตรจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.นราธิวาส นอกจากนี้ ครอบครัวยังคงสานต่อเจตนารมณ์ของนายวาเดงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้



สำหรับการขยายผลของศูนย์ศึกษาพิกุลทองฯ ซึ่งได้น้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการพัฒนาพื้นที่พรุและดินทรายจัดสามารถพลิกฟื้นพื้นที่ให้เป็นพื้นที่สีเขียวและใช้ประโยชน์ทำการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงาน กปร.มาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดการขยายผลกลุ่มเกษตรกรบ้านบาเลาะจากเดิม 11 ราย ขยายผลเป็น 60 ครัวเรือน เพิ่มพื้นที่การเกษตรจาก 8 ไร่ เป็น 60 ไร่ เกิดเครือข่ายเกษตรกรพื้นที่ดินทรายจัดในพื้นที่หมู่บ้านใกล้เคียง ราษฎรนอกภาคเกษตรกลับมาประกอบอาชีพการเกษตรมากขึ้น ชุมชนมีความรู้ในการประกอบอาชีพ มีรายได้ครัวเรือนเฉลี่ยปีละ 230,000-250,000 บาท/ครัวเรือน/ปี