บุกค้นสำนักสงฆ์หลังชาวบ้านร้องเรียนบุกรุกที่มั่วสุมเสพยาเสพติด

จากกรณีที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ได้มีการออกประกาศห้ามภิกษุสามเณรเข้าไปพำนักอาศัยหรือดำเนินการใด ๆ ในสถานที่ซึ่งยังไม่ได้รับอนุญาตให้สร้างวัดอาศัยอำนาจตามความในข้อที่ 15 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 23 (พ.ศ. 2541) ว่าด้วยระเบียบปกครองคณะสงฆ์ และตามคำสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามภิกษุสามเณรเข้าไป พำนักอาศัยหรือดำเนินการใด ๆ ในสถานที่ซึ่งยังไม่ได้รับอนุญาตให้สร้างวัด พ.ศ. 2530 นั้น ตามที่ได้มีเรื่องร้องเรียน พบเห็นบุคคลแต่งกายเลียนแบบคล้ายพระสงฆ์ มาพำนักอาศัยใน พื้นที่ของบริษัท บิ๊ก คูล จำกัด บ้านเลขที่ 3/7 หมู่ที่ 4 ตำบลบึงชำอ้อ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี จำนวนประมาณ 30-50 รูป/คน เข้ามาพักอาศัยตลอดทั้งปี โดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นแหล่งมั่วสุมอบายมุขต่าง ๆ มีอาจาระไม่เหมาะสม เป็นที่เสื่อมศรัทธาต่อพุทธศาสนิกชน จึงออกประกาศห้ามภิกษุสามเณรเข้าไปพำนักอาศัยหรือดำเนินการใดๆ ในสถานที่ๆดังกล่าว โดยให้ถือปฏิบัติตามคำสั่งมหาเถรสมาคมอย่างเคร่งครัดนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่วัดพวงแก้ว ม.5 ต.บึงบอน อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี นายคมสัน ญาณวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายสุทธิพร ศิวเวทพิกุล นายอำเภอหนองเสือ พระครูสุจิตรัตนากร เจ้าคณะอำเภอหนองเสือ พ.อ.วินัย อภัยกุญชร รอง ผอ.กอรมน.จ.ปทุมธานี พ.ต.อ.ธีรยุทธ เสรีนนท์ชัย ผกก.สภ.หนองเสือ นายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปทุมธานี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง ร่วมประชุมแผนปฎิบัติการบุกตรวจสอบที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่ ต.บึงชำอ้อ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี หลังจากมีชาวบ้านจำนวนมากร้องเรียนสำนักพุทธฯว่ามีบุคคลแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ และมีพระสงฆ์ จำนวนมาก ประมาณ 30-50 รูป เข้ามาพักอาศัยนอกพรรษาตลอดทั้งปี และเป็นแหล่งมั่วสุมอบายมุก ต่าง ๆ และบุคคลแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ นั่งดื่มสุรา นอกจากนี้พระสงฆ์ ออกบิณฑบาต ในเวลาดึกดามตามสถานที่ต่าง และกลับเข้ามาบริเวณที่ดินทั้ง 4 แปลง ในเวลาเกือบเที่ยงวัน

โดยภายหลังจากประชุมหารือแล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้เดินทางบุกไปตรวจสอบยังที่ สำนักสงฆ์ดังกล่าวพอเจ้าหน้าที่ไปถึงก็ว่ามีผู้แต่งกายคล้ายพระสงฆ์และฆารวาสจำนวนมากพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวกว่า 40 หลังคาเรือน ในขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบที่พักอาศัยในแต่ห้องปรากฏว่าพบพระสงฆ์ที่มีอุปกรณ์ในการเสพยาเสพติด 1 รายและฆารวาสมีการเสพยาเสพติด 1 ราย โดยเจ้าหน้าที่ได้เชิญพระสงฆ์ทุกรูปไปตรวจสอบใบสุทธิบัตรและทำการสารเสพติดที่วัดพวงแก้วอีกครั้ง พร้อมกับปักป้ายประกาศห้ามบุคคลใดบุกรุกที่ดินตรงนี้อย่างเด็ดขาด

โดยภายหลังจากการตรวจใบสุทธิของพระสงฆ์และสารเสพติดของพระสงฆ์ทั้ง 27 รูปผลปรากฏว่าพบสารเสพติด 2 ราย สุรา 1 ราย ป่วยจิตเวช 1 ราย ส่วนการตรวจสอบใบสุทธิบัตรพระสงฆ์พบว่าเป็นพระสงฆ์จริงจึงจะได้เชิญพระสงฆ์ทั้ง 27 รูปส่วนพระสงฆ์ที่ตรวจพบสารเสพติดจะดำเนินการสึกส่วนพระสงฆ์ที่เหลือให้กลับไปวัดต้นสังกัดต่อไป

ด้านนายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่าหลังจากที่เราได้รับการร้องเรียนก็ได้ประสานไปทางเจ้าคณะอำเภอหนองเสือซึ่งเป็นเจ้าคณะปกครอง และหลังจากตรวจสอบแล้วพบว่าพระสงฆ์ที่มีการร้องเรียนไปพักอาศัยอยู่ในที่เอกชน จึงได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าไปเคลียร์พื้นที่ให้เอกชนดังกล่าว ซึ่งตรงนี้เป็นการขัดคำสั่งของเถรสมาคมที่ห้ามพระสงฆ์สามเณรไปอยู่ตรงที่ไม่มีการให้ตั้งวัด

โดยในวันนี้จะมีการตรวจสอบพระสงฆ์ทั้งหมดว่ามีสังกัดหรือไม่เพื่อจะได้ส่งตัวกลับต้นสังกัด เนื่องจากมีชาวบ้านร้องเรียนมาว่าพระสงฆ์ที่อาศัยอยู่ที่นี่พอบิณฑบาตแล้วกลับวัดช้าและไม่รู้ว่าไปที่ไหนมาบ้าง โดยในวันนี้จะมีการปฎิบัติการขอพื้นที่คืนให้เอกชน และจะดำเนินการตรวจสอบว่าเป็นพระจริงหรือพระปลอมรวมถึงการตรวจปัสวะ หากพบว่าเป็นพระปลอมและตรวจปัสวะพบสารเสพติดก็จะมีการจับสึกและดำเนินคดี เพื่อสร้างความศัทธาแก่พี่น้องประชาชนในด้านพระพุทธศานาสืบไป

นายธีรวัฒน์ เหมมะรา ทนายความผู้รับมอบอำนาจเจ้าของที่ดังกล่าว เปิดเผยว่าที่ดินนี้ทางเจ้าของไม่เคยอนุญาตเป็นที่พักหรือสำนักสงฆ์แต่อย่างใด โดยตนได้เคยมาเชิญพระสงฆ์ทั้งหมดออกจากพื้นที่ไปแล้วหลายครั้งซึ่งก็ไม่ยอมออก จนกระทั่งมีชาวบ้านร้องเรียนถึงพฤติกรรมของพระสงฆ์เหล่านี้เข้ามาเป็นจำนวนมาก

ณรงค์ศักดิ์ น้ำจันทร์ //รายงาน