เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 ที่อ่างห้วยมะนาว หมู่ 7 ต.ดอนเปา อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดกิจกรรม “บริหารจัดการทรัพยากรประมงน้ำจืดเพื่อเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำโดยชุมชนมีส่วนร่วม” มีนายชัยณรงค์ นันตาสาย ปลัดจังหวัดเชียงใหม่, นายอำพร ศักดิ์เศรษฐ ประมงจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ ก่อนปล่อยปลาลงสู่อ่างดังกล่าว 150,000 ตัว ปลูกหญ้าแฝก และเดินชมนิทรรศการการเกษตร ตามลำดับ

นายนเรศ เผยว่า อ่างเก็บน้ำห้วยมะนาว เป็นโครงการตามพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2520 ครอบคลุมพื้นที่เกษตรกว่า 4,986 ไร่ ใน 3 อำเภอ คือ อ.แม่วาง อ.ดอยหล่อ อ.สันป่าตอง ปัจจุบันได้รับการขุดลอกและพัฒนาโดยกรมชลประทาน จนพ้นสภาพตื้นเขิน กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สำคัญ สร้างรายได้จากร้านอาหารริมน้ำและการท่องเที่ยวให้แก่ชุมชน การเติมพันธุ์สัตว์น้ำในครั้งนี้จึงเป็นการต่อยอดความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ ให้กลายเป็น “ตู้เย็นของชุมชน” ที่สร้างความมั่นคงทางอาหารและรายได้เพิ่มอีกทาง
หนึ่ง
นายอำพร ศักดิ์เศรษฐ ประมงจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าว เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนในการอนุรักษ์โดยมีการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำลงสู่อ่างเก็บน้ำห้วยมะนาวรวมทั้งสิ้น 100,093 ตัว ประกอบด้วยปลาเศรษฐกิจและปลาหายาก ได้แก่ ปลายี่สกเทศ, ปลาตะเพียนขาว, ปลากาดำ และปลาบึก
นอกจากนี้ ยังมีการมอบพันธุ์ปลาให้แก่ผู้นำชุมชน 10 แห่งเพื่อนำไปปล่อยในแหล่งน้ำสาธารณะประจำหมู่บ้าน รวมถึงกิจกรรมปลูกหญ้าแฝกเพื่ออนุรักษ์หน้าดิน โดยได้รับการสนับสนุนจากศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเชียงใหม่ และสถานีพัฒนา ที่ดินจังหวัดเชียงใหม่
ด้าน นายชัยณรงค์ นันตาสาย ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับและให้ข้อมูลว่า เชียงใหม่มีศักยภาพสูงด้านการผลิตพืชเศรษฐกิจและการประมงโดยมีผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อดินกว่า 3,800 ตัน/ปี และจับจากแหล่งน้ำธรรมชาติกว่า 1,400 ตัน/ปี การจัดกิจกรรมดังกล่าว จึงตอบโจทย์ยุทธศาสตร์จังหวัดในการสร้างความมั่งคั่งและยั่งยืน โดยใช้อ่างเก็บน้ำสำคัญๆ เช่น เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนม่กวงอุดมธาราและอ่างเก็บน้ำห้วยมะนาว เป็นฐานการผลิตและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ
ทั้งนี้บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความคึกคัก มีการจัดนิทรรศการด้านการเกษตร การสาธิตแปรรูปสัตว์น้ำ และการพบปะพูดคุยระหว่างนายนเรศกับพี่น้องเกษตรกร เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจในการร่วมกันดูแลรักษาทรัพยากรน้ำให้ยั่งยืนสืบไป
ต่อมานายนเรศ ลงพื้นที่ เปิดแผนปฏิบัติการปี 69 จัดการ “ดิน-น้ำ” แบบบูรณาการที่เทศบาล (ทต.) ยางคราม อ.ดอยหล่อ ภายใต้ยุทธศาสตร์ และโครงการบริหารจัดการดินและน้ำทั้งบนดินและใต้ดินในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง เพื่อเพิ่มศักยภาพผลิตของเกษตรกร ปีงบประมาณ 2569 มีหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ หมอดินอาสาและเกษตรกร ในพื้นที่ให้การต้อนรับจำนวนมาก
นายนเรศ กล่าวว่า โครงการดังกล่าว ถือเป็นภารกิจเร่งด่วนของกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ต้องการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่เกษตรกรรมนอกเขตชลประทาน หรือพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งซ้ำซาก โดยใช้หลักการบริหารจัดการทรัพยากร “ดินและน้ำ” ควบคู่กันอย่างเป็นระบบ เพื่อเกษตรกรสามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและมีความมั่นคงในระยะยาว
สำหรับการดำเนินงานในพื้นที่ต.ยางคราม อ.ดอยหล่อ ได้มีการวางแผนดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม ประกอบด้วย การจัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 600 ไร่เพื่อช่วยชะลอการไหลของน้ำและรักษาหน้าดิน, การก่อสร้างมาตรการบริหารจัดการน้ำใต้ดิน จำนวน 15 แห่ง เพื่อทำหน้าที่เติมน้ำลงสู่ชั้นบาดาล เก็บกักน้ำฝน และรักษาความชุ่มชื้นของดิน
“ความสำเร็จของโครงการดัง กล่าวจ ต้องอาศัยความร่วมมือจากเกษตรกรและหมอดินอาสา การจัดการน้ำดังกล่าว ไม่เพียงแค่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้ง แต่จะเป็นการสร้างหลักประกันทางรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องเกษตรกรในอำเภอดอยหล่อให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน” นายนเรศกล่าว
นายนเรศ กล่าวอีกว่า รัฐบาลจับมือกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำการตลาดส่งออกข้าวทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น พร้อมเจรจาส่งออก อาทิ น้ำผึ้งป่า มะยมชิด เพิ่มขึ้น ก่อนขยายตลาดส่งออกในหลายประเทศพร้อมผลักดัน พ.ร.บ.ลำไย ที่มีผลทางกฎหมาย เริ่มวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ และเพิ่มค่าชดเชยเกษตรกรลำไยไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ หรือครอบครัวละไม่เกิน 10,000 บาทด้วย
