การค้าต่างประเทศ ลุยเหนือ!จัดสัมมนา “Quick Big Win”เล็งเจรจาสหรัฐ ลดภาษีนำเข้า 200 รายการไม่เกิน 19 %คาดดีลจบธันวาคมนี้

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ที่โรงแรมเซ็นทารา ริเวอร์ไซด์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นประธานการสัมมนา Unloking Trade Measures. The Passport for Global Trade ถอดรหัสมาตรการทางการค้า สู่ความสำเร็จบนเวทีโลกภายใต้โครงการขยายโอกาสทางการค้าเพิ่มศักยภาพ และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการยุคใหม่ ครั้งที่ 2 พร้อมบรรยายหัวข้อ “กรมการค้าต่างประเทศชูมาตรการการค้า ขายรับนโยบาย Quick big win” ว่า กรมฯได้เร่งขับเคลื่อนนโยบาย “Quick Big Win” ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางศุภจีสุธรรมพันธุ์) เพื่อสร้างผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจโดยเร็วและวางรากฐานการค้าที่มั่นคง โดยเจรจากับสหรัฐอเมริกา เพื่อลดภาษีนำเข้ากว่า 200 รายการอาทิ ข้าว ผลไม้ แป้ง เนื้อสัตว์โดยจัดเก็บภาษีนำเข้าไม่เกิน 19 % โดยเจรจาเดินหน้าแล้วเสร็จภายในธันวาคมนี้

ทั้งนี้ไทย ส่งออกสหรัฐเพียง 20 % ทั่วโลก 80 % ในขณะที่สหรัฐ เก็บภาษีนำเข้าอาเซียน19-25 % ยกเว้นพม่า ลาว เก็บภาษี 40 % ขณะที่สหรัฐลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน 6,000-7,000 บริษัท มีแรงงานสหรัฐกว่า 100,000 คน มีเพียงสองคนโปร์ ที่เป็นพันธมิตรการค้าด้านการลงทุน การเงิน ที่ไม่ใช่แหล่งผลิตสินค้าที่สหรัฐเก็บภาษีเพียง 10 % เท่านั้น แต่ยังเชื่อมั่นการบรรลุข้อตกลงด้านภาษี และนโยบาย “Quick big win” ของไทย ที่มีมาตรการ 7 ด้าน ด้วยกัน อาทิ ส่งเสริมส่งออกตลาดใหม่ การค้าชายแดน เป็นต้น

ทั้งนี้ภารกิจสำคัญที่กรมฯ มุ่งเน้น คือ รับมือมาตรการภาษี

-เร่งเจรจาการค้ากับสหรัฐอเมริกา เพื่อบรรลุข้อตกลงอัตราภาษีต่างตอบแทนภายในธันวาคมนี้, ยกระดับระบบดิจิทัล – พัฒนาระบบมาตรการตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าและการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าให้เป็นดิจิทัลเต็มรูปแบบ เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์ถิ่นกำเนิดสินค้าไทย,ผลักดัน FTA – ส่งเสริมการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA), เตรียมพร้อมมาตรการสิ่งแวดล้อม – เตรียมผู้ประกอบการต่อมาตรการใหม่เช่น การนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปลอดการเผา ซึ่งเริ่มบังคับใช้ภายในมกราคม 2569

    ทั้งนี้ งานสัมมนาได้รับเกียรติ จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการค้า การตลาด การสร้างแบรนด์ดิ้ง และการประยุกต์ใช้ AI ในธุรกิจ มาร่วมแบ่งปันมุมมองสำคัญ อาทิ ทิศทางการค้าโลกและเทรนด์สินค้าในอนาคต, กลยุทธ์ด้านการตลาดและการรังสรรค์แบรนด์เชิงกลยุทธ์, การให้คำแนะนำด้านการเงินการลงทุน จากผู้แทนธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) Workshop ยกระดับสู่การค้าดิจิทัล (Smart DFT : Going Paperless)

    ช่วงบ่าย ได้จัดกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เพื่อถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการใช้งานระบบดิจิทัลที่พัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มความสะดวกและลดภาระผู้ประกอบการ ได้แก่ ระบบบริการออกหนังสือสำคัญการส่งออกนำเข้าสินค้า (SMART I), ระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Rover Plus), ระบบการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (SMART C/O)

    นอกจากนี้ ยังมีการสัมมนาหัวข้อ “AI Marketing in Shortcut” เพื่อให้ความรู้และเทคนิคการทำตลาดออนไลน์และการใช้ AI ในการขยายโอกาสทางธุรกิจอย่างรวดเร็ว โดยมีพันธมิตรในพื้นที่เข้าร่วมจัดคลินิกให้คำปรึกษาการสัมมนาดังกล่าว ยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานพันธมิตรในพื้นที่เข้าร่วมออกบูธคลินิกให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการอย่างครบวงจร อาทิ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.), สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI), บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.), ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารกรุงไทยและ SME D Bank

    นายดวงอาทิตย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า กรมการค้าต่างประเทศยังคงมุ่งมั่นดำเนินพันธกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการไทยโดยเร่งเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทและภารกิจของกรมฯ ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง