ศูนย์รับแจ้งเพื่อตรวจสอบความเสียหายของอาคารที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว (ศรต.ยผ.) ณ กรมโยธาธิการและผังเมือง ถนนพระรามที่ 6 ได้ร่วมกับสภาวิศวกร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร และวิศวกรอาสาภาคเอกชน จำนวน 155 คน ดำเนินการตรวจสอบอาคารที่มีการแจ้งว่าได้รับความเสียหาย โดยมีการแบ่งอาคารในการตรวจสอบออกเป็น 3 กลุ่ม และขอรายงานผลการดำเนินงานตามการแบ่งกลุ่มอาคาร ดังนี้ อาคารกลุ่มที่ 1 ได้แก่ อาคารภาครัฐ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน อาคารราชการในเขตกรุงเทพมหานคร โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการตรวจสอบร่วมกับสภาวิศวกร วิศวกรรมสถาน แห่งประเทศไทย สมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร และวิศวกรอาสาภาคเอกชนดำเนินการตรวจสอบอาคารที่ได้รับการร้องขอ ในวันที่ 30 มีนาคม 2568 จำนวน 38 หน่วยงาน จำนวน 124 อาคาร สามารถใช้งานได้ปกติ จำนวน 117 อาคาร / มีความเสียหายปานกลาง สามารถใช้งานได้ จำนวน 7 อาคาร และไม่มีอาคารที่มีความเสียหายอย่างหนักและระงับการใช้อาคาร สรุปดำเนินการตรวจสอบอาคารสะสมตั้งแต่วันที่ 28-30 มีนาคม 2568 จำนวน 69 หน่วยงาน จำนวน 213 อาคาร สามารถใช้งานได้ปกติ จำนวน 190 อาคาร / มีความเสียหายปานกลาง สามารถใช้งานได้ จำนวน 20 อาคาร / โครงสร้างมีความเสียหายอย่างหนัก โดยได้สั่งให้ระงับการใช้งานอาคาร จำนวน 3 อาคาร และทางเชื่อมอาคาร จำนวน 1 แห่ง อาคารกลุ่มที่ 2 ได้แก่ อาคารสูง โรงแรม คอนโดมิเนียม หอพัก ห้างสรรพสินค้าที่เป็นของภาคเอกชน อาคารเหล่านี้เป็นอาคารที่ต้องมีการตรวจสอบอาคารตามกฎหมายควบคุมอาคารทุกปีอยู่แล้ว กรมโยธาธิการและผังเมืองได้แนะนำให้เจ้าของอาคารให้ผู้ตรวจสอบอาคารที่เคยตรวจสอบเข้าดำเนินการตามคู่มือสำรวจความเสียหายขั้นต้นของโครงสร้างอาคารหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวของกรมโยธาธิการและผังเมือง ในกรณีที่ผู้ตรวจสอบอาคารไม่สามารถตรวจสอบอาคารได้ ทางกรมโยธาธิการและผังเมืองมีผู้ตรวจสอบอาคารที่ขึ้นทะเบียนจำนวนมากกว่า 2,600 ราย สามารถค้นหาผู้ตรวจสอบอาคารได้ผ่านเว็บไซต์กรมโยธาธิการและผังเมือง ปัจจุบันกรมโยธาธิการและผังเมืองเปิดสายด่วนสำหรับขอรับคำปรึกษาและแจ้งเหตุที่หมายเลข 1531 / 02 299 4191 และ 02 299 4312 ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือด่วนสั่งการให้กรุงเทพมหานคร ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่น แจ้งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารตามมาตรา 32 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ได้แก่ อาคารสูง อาคารขนาดใหญ่พิเศษ อาคารชุมนุมคน โรงมหรสพ โรงแรมตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป โรงงานที่มีความสูงมากกว่า 1 ชั้น และพื้นที่ตั้งแต่ 5,000 ตารางเมตรขึ้นไป สถานบริการที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 200 ตารางเมตรขึ้นไป อาคารชุดหรืออาคารอยู่อาศัย รวมที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 2,000 ตารางเมตรขึ้นไป และป้ายให้ดำเนินการตรวจสอบสภาพอาคาร โครงสร้างของตัวอาคารและอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ ของตัวอาคาร รายงานผลการตรวจสอบให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นทราบ พร้อมมาตรการควบคุมกรณีพบว่าอาคารมีความชำรุดในระดับต่าง ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจต่อผู้พักอาศัย และผู้ใช้อาคาร อาคารกลุ่มที่ 3 ได้แก่ อาคารบ้านพักอาศัย ตึกแถว ห้องแถว และอาคารทั่วไปในพื้นที่กรุงเทพมหานคร กรุงเทพมหานครจะเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการตรวจสอบให้คำแนะนำและให้คำปรึกษาแก่พี่น้องประชาชน ผ่าน Traffyfondue ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 30 มีนาคม 2568 ได้รับแจ้งทั้งหมด 12,599 เรื่อง และดำเนินการแล้วเสร็จ 10,245 เรื่อง
สำหรับอาคารในต่างจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทางกรมโยธาธิการและผังเมืองได้สั่งการให้โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดดำเนินการตรวจสอบอาคารร่วมกับวิศวกรขององค์ปกครองส่วนท้องถิ่น และวิศวกรอาสาของเอกชนในพื้นที่ร่วมกันดำเนินการเช่นเดียวกับส่วนกลางและให้คำปรึกษาแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ โดยสั่งการให้มีการตรวจสอบอาคารสาธารณะ เช่น โรงพยาบาล หรืออาคารหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการใช้อาคาร ปัจจุบันได้มีผลการตรวจสอบอาคารในส่วนจังหวัด 76 จังหวัด จำนวน 595 อาคาร สามารถใช้งานได้ปกติ จำนวน 499 อาคาร / มีความเสียหายปานกลาง สามารถใช้งานได้ จำนวน 92 อาคาร / โครงสร้างมีความเสียหายอย่างหนักโดยได้สั่งให้ระงับการใช้งานอาคาร จำนวน 4 อาคาร สรุปผลการตรวจสอบอาคารที่มีการแจ้งว่าได้รับความเสียหาย ตั้งแต่วันที่ 28-30 มีนาคม 2568 ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด รวมทั้งสิ้นจำนวน 808 อาคาร
นอกจากนี้ กรมโยธาธิการและผังเมืองมีช่องทางให้เจ้าของอาคาร ผู้ตรวจสอบอาคาร หรือพี่น้องประชาชนสามารถรับทราบข้อมูลต่าง ๆ ผ่านช่องทางการประชาสัมพันธ์ของกรมฯ สื่อมวลชน โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ และสื่อออนไลน์ สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินการรื้อถอนเครนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวบริเวณริมทางด่วนดินแดงได้ดำเนินการยึดรั้งส่วนที่เหลือ ค้ำยันพื้น และปิดคลุมส่วน 10 เมตร ให้มีความมั่นคง แข็งแรง และเปิดใช้งานทางด่วนตามปกติแล้ว ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันที่ 31 มีนาคม 2568 และสำหรับส่วนที่เหลือคณะทำงานฯ จะประชุมพิจารณากำหนดช่วงเวลาในการรื้อถอนที่ไม่กระทบต่อผู้ใช้ทางด่วนอย่างเร่งด่วนต่อไป