วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 แถลงข่าว จับกุมคดีสำคัญในพื้นที่ 3 คดี คดีแรก จับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น คือ นายวงค์ตะวัน หรือหนึ่ง อายุ 35 ปี บ้านอยู่ ต.ช้างม่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ในข้อหา “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปและเพื่อให้พ้นการจับกุม”
สืบเนื่องช่วงหัวค่ำ วันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมาได้มีนักท่องเที่ยวหญิงชาวญี่ปุ่น อายุ 63 ปี กำลังเดินเที่ยวชมเมืองในพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ จากนั้นมีคนร้ายขับรถจยย. มาประกบแล้วกระชากกระเป๋านักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น จนล้มได้รับบาดเจ็บ ก่อนชิงเอากระเป๋าที่มีเงินสดจำนวน 1,500 บาท เอกสารสำคัญหลายอย่างและโทรศัพท์มือถือ ก่อนหลบหนีไป หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและสามารถตามจับนายวงค์ตะวัน ได้ที่บ้าน เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสาร ภาพว่าตกงาน ไม่มีเงินจึงก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งคนร้ายเคยมีประวัติ ลักทรัพย์ และยาเสพติด ติดคุกเข้าออกมาหลายครั้ง

คดีที่ 2 จับกุมผู้ต้องหาคดีค้าประเวณีเด็ โดยทางชุดสืบสวนภาค5 ได้รับแจ้งในโลกออนไลน์ว่ามีการโพสต์ว่ามีเด็กรับงาน nv ซึ่งหมายความว่ารับงานดูแลและจบที่การมีเพศสัมพันธ์ รับงานในเชียงใหม่คนละ 3,500 บาท ทางเจ้าหน้าจึงปลอมตัวเข้าไปติดต่อ ล่อชื้อ จำนวน 3 คนที่โรงแรมม่านรูดในพื้นที่ อ.สันกำแพง ต่อมาได้มีเด็กสาว อายุ 14 สองคน และอายุ 16 หนึ่งคน เข้าที่โรงแรมม่านรูดพร้อมขอรับเงินค่างาน ทางเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุมทั้งหมดไว้ ก่อนนำตัวมาให้สหวิชาขีพสอบ สวน
โดยกลุ่มเด็กทั้งหมด ให้การรับสารภาพว่าทำงานแบบนี้มานานมีลูกค้าทั้งข้าราชการ นักท่องเที่ยวนักธุรกิจ ที่เคยมาร่วมหลับนอน สาเหตุที่ทำเพื่อหาเงินไว้กินเที่ยวตอนกลางคืน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลการจับกุมไปภึงกลุ่มคนชื้อบริการเพื่อขยายผลการกระทำผิดต่อผู้มาใช้บริการกับเด็กต่อไป
คดีที่ 3 ผลการปฏิบัติการจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการหยุดฝุ่น PM 2.5 ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะปัญหาการลักลอบเผาหาของป่า ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน พร้อมตรวจสอบยานพาหนะที่ปล่อยควันดำ โรงงานและสถานที่ก่อสร้าง เพื่อควบคุมมลพิษดังกล่าว
ทั้งนี้ตำรวจภาค 5 ได้มีการเร่งดำเนินการทุกข้อสั่งการ โดยดำเนินการตรวจสอบยานพาหนะที่ก่อมลพิษควันดำ จำนวน 2,684 คัน เป็นรถขนส่ง 279 คัน รถโดยสาร 244 คัน รถยนต์และรถจักยานยนต์อีก 2,100 คัน ส่วนการจับกุมเผาป่า จำนวน 47 ครั้งในห้วง 4 วัน ที่ผ่านมา และให้ตำรวจทุกพื้นที่ออกให้คำแนะนำประชาชนตลอดเวลา ส่วนโรงงานได้ออกตรวจสอบ ไม่ให้ปล่อยมลพิษสู่อากาศอีก ซึ่งทุกมาตราการ ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวให้ลุล่วง
สำหรับพื้นที่ที่มีประกาศห้ามเผาประกอบด้วยเชียงราย วันที่ 1 ม.ค.ถึง 31 พ.ค.68, เชียงใหม่ 1 ม.ค. ถึง 15 พ.ค.68, น่าน 15 ม.ค. ถึง 30 เม.ย.68, พะเยา 20 ก.พ.ถึง 20 เม.ย.68, แพร่ 15 ก.พ. ถึง 30 เม.ย.68, แม่ฮ่องสอน 1 ก.พ. ถึง 30 เม.ย.68, ลำปาง 1 ม.ค. ถึง 15 พ.ค.68 และลำพูน 1 ม.ค. ถึง 30 เม.ย.68 ตามลำดับ จึงห้ามเผา ตามห้วงเวลา ที่มีการประกาศดังกล่าว หากฝ่าฝืนมีโทษตามกฏหมาย