องคมนตรีเป็นประธานเปิดงานวันดินโลกและติดตามการดำเนินงานโรงเรียนพระดาบส จังหวัดสมุทรปราการ

วันที่ 19 ธันวาคม 2567 พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคกลาง เป็นประธานพิธีเปิดงานวันดินโลก ประจำปี 2567 และติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานของโรงเรียนพระดาบส โดยมีนางพิชญดา หัศภาค รองเลขาธิการ กปร. พร้อมด้วยคณะอนุกรรมการฯ ร่วมพิธิเปิดงานฯ

งานวันดินโลก ประจำปี 2567 จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “Caring for soils:measure, monitor,manage” “ใส่ใจมาตรฐาน ตรวจวัด จัดการดินดียั่งยืน” ณ แปลงศูนย์เรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ โรงเรียนพระดาบส ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในฐานะที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในการพัฒนาและอนุรักษ์ทรัพยากรดิน โดยพระราชทานแนวพระราชดำริด้านการพัฒนาดินผ่านโครงการพระราชดำริต่าง ๆ จนเป็นที่ประจักษ์ในพระปรีชาสามารถและยอมรับทั่วโลก ซึ่งองค์การสหประชาชาติได้ประกาศสดุดีพระเกียรติคุณรับรองให้วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันดินโลก (World Soil Day) และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้ายู่หัว สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีที่ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมชนกนาถเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรดินและการพัฒนาที่ดินอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเพื่อสร้างการรับรู้เรื่องวันดินโลกแก่ประชาชนในส่วนภูมิภาคทุกระดับ เพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรดิน และเกิดจิตสำนึกในการช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน

กิจกรรมภายในงานนอกจากจะมีนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร นิทรรศการทางวิชาการดิน รวมทั้งการสาธิตทำน้ำหมักชีวภาพ และปุ๋ยหมัก เป็นต้น โอกาสนี้ องคมนตรีร่วมปลูกต้นไม้เพื่อสร้างร่มเงาให้แก่พื้นที่ต่อไป


ช่วงบ่าย องคมนตรีและคณะฯ ประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคกลาง ณ ห้องประชุม 1 มูลนิธิพระดาบส โดยมีผู้รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ รายงานสถานะการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในเขตพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ผู้แทนโรงเรียนพระดาบส รายงานข้อมูลการดำเนินงานของโรงเรียนพระดาบส นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาแนวทางการดำเนินงานโครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ โรงเรียนพระดาบส

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์จัดตั้งโครงการพระดาบสเมื่อปี 2519 เพื่อช่วยเหลือผู้ขาดโอกาสทางการศึกษาให้ได้รับการฝึกอบรมให้มีความรู้ ทักษะในวิชาชีพ ควบคู่ไปกับการดำรงตนเป็นคนดีในสังคม โดยพระราชทานพระราชดำริให้ฝึกอบรมในรูปแบบการศึกษานอกระบบ ผู้สอนเป็นอาสาสมัครผู้ทรงคุณวุฒิ และพัฒนาเป็นโรงเรียนผู้ใหญ่พระดาบส ต่อมาในปี 2532 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรพระราชทานทรัพย์ประเดิมพร้อมกับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ขอจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิพระดาบสขึ้นในปี 2533 เพื่อกำกับดูและสนับสนุนการดำเนินกิจการ และในปี 2541 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโครงการลูกพระดาบส เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตร รวมทั้งฝึกอบรมวิชาช่างเครื่องยนต์การเกษตรที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และปี 2550 ได้เปลี่ยนชื่อจากโรงเรียนผู้ใหญ่พระดาบส เป็นโรงเรียนพระดาบส
 
การดำเนินงานของโรงเรียนพระดาบส เป็นโรงเรียนอยู่ประจำ ทำการสอนในรูปแบบการศึกษานอกระบบให้แก่บุคคลที่ด้อยโอกาสทางการศึกษาและขาดแคลนทุนทรัพย์สามารถเข้ามาเรียนรู้ โดยเปิดรับนักเรียนที่มีอายุระหว่าง 18-35 ปี สามารถสมัครเข้าเรียนในสาขาที่สนใจและมีความถนัด เพื่อฝึกอบรมทักษะฝีมือ สำหรับนำไปประกอบอาชีพควบคู่ไปกับการฝึกทักษะชีวิต ให้เป็นคนดีมีวินัยในอาชีพการงานและการดำรงชีวิต ซึ่งมูลนิธิพระดาบสได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายให้แก่ศิษย์พระดาบสตลอดหลักสูตร 1 ปี (ประมาณคนละ 135,000 บาท) ปัจจุบันมีผู้สำเร็จการศึกษา 46 รุ่น จำนวน 2,768 คน หลักสูตรที่เปิดทำการเรียนการสอน ได้แก่หลักสูตรวิชาชีพช่างไฟฟ้า หลักสูตรวิชาชีพช่างอิเล็กทรอนิกส์ หลักสูตรวิชาชีพช่างยนต์ หลักสูตรวิชาชีพการเกษตรพอเพียง หลักสูตรวิชาชีพช่างซ่อมบำรุง หลักสูตรวิชาชีพช่างไม้เครื่องเรือน หลักสูตรวิชาชีพช่างเชื่อม และหลักสูตรช่างก่อสร้าง สำหรับศิษย์พระดาบส (หญิง) มีหลักสูตรเคหบริบาล เรียนรู้การดูแลสุขภาพพื้นฐานเพื่อดูแลผู้สูงอายุและเด็ก หรืองานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยในแต่ละปีสามารถช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษาได้ปีละ 150 คน

นอกจากนี้ โรงเรียนพระดาบสยังได้จัดทำโครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ โดยพัฒนาพื้นที่ว่างเปล่าจัดทำเป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่บนพื้นที่กว่า 42 ไร่ เบื้องต้นดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างพื้นที่ ปรับระดับพื้นที่ จัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ขุดคูยกร่อง และทดลองปลูกข้าว ปลูกหญ้าแฝกและปลูกป่า