วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2567 เวลาประมาณ 09.45 น. นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมด้วยมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการ กปร. และคณะอนุกรรมการฯ เดินทางไปยังโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ บ้านหนองห้า ตำบลร่มเย็น อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา เพื่อเชิญสิ่งของพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีไปมอบแก่ราษฎรและผู้ปฏิบัติงาน ประกอบด้วย เสื้อกันหนาวมอบให้แก่เด็กในพื้นที่โครงการฯ จำนวน 48 ตัว ถุงพระราชทานมอบให้แก่ราษฎรและผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่โครงการฯ จำนวน 87 ถุง สร้างความปลื้มปีติให้แก่ราษฎรและผู้ปฏิบัติงานในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงห่วงใยพสกนิกรเสมอมา จากนั้น องคมนตรีและคณะรับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานโครงการฯ พร้อมพบปะเยี่ยมเยียนราษฎร เยี่ยมชมผลผลิตและผลิตภัณฑ์ของราษฎรในพื้นที่โครงการฯ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2545 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารเสด็จทอดพระเนตรพื้นที่แนวชายแดนประเทศไทย-ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว บริเวณดอยยอดห้วยน้ำลาว บ้านเย้าหนองห้า ตำบลร่มเย็น อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ทรงพบว่าพื้นที่ได้ถูกบุกรุกแผ้วถางป่าเป็นพื้นที่กว้าง บางส่วนของพื้นที่มีการปลูกพืชเสพติด ประกอบกับมีปัญหาด้านความมั่นคงตามแนวชายแดน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงได้มีพระราชดำริให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหา ประกอบกับมีราษฎรไทยภูเขาได้เคยถวายฎีการ้องทุกข์ขอพระราชทานความช่วยเหลือเรื่องที่ทำกินเป็นจำนวนมาก จึงพระราชดำริที่จะให้ราษฎรเหล่านั้นเข้ามาช่วยฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณบ้านหนองห้า เพื่ออนุรักษ์แหล่งต้นน้ำลำธาร โดยจัดทำเป็นโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ และมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้ให้การสนับสนุนฝึกอบรมศิลปาชีพ และปลูกฝังความรู้เรื่องการเกษตร การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้ปัจจุบันทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่โครงการฯ ได้รับการฟื้นฟูพื้นที่ป่าให้มีความอุดมสมบูรณ์ ทั้งยังเป็นการรักษาแหล่งต้นน้ำลำธารและหลากหลายทางชีวภาพให้คงความชุ่มชื้น ราษฎรในพื้นที่ จำนวน 12 ครัวเรือน รวม 52 คน สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ป่า จำนวน 220 ไร่ และมีพื้นที่การเกษตรในฤดูแล้ง จำนวน 220 ไร่ และฤดูฝน จำนวน 220 ไร่ ราษฎรสามารถดำรงชีวิตได้อย่างเกื้อกูลกับป่า โดยไม่ให้ระบบนิเวศเสียความสมดุล คงความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ สามารถอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างมีความสุขและยั่งยืน
ต่อมา องคมนตรีและคณะเดินทางไปยังฐานปฏิบัติการบ้านผาแดงล่าง กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 326 ตำบลร่มเย็น อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา เชิญถุงพระราชทาน จำนวน 40 ถุง มอบแก่ผู้ปฏิบัติงานหน่วยงานความมั่นคง จำนวน 2 หน่วยงาน ประกอบด้วย ฐานปฏิบัติการตำรวจตระเวนชายแดนบ้านผาแดงล่าง และฐานปฏิบัติการตำรวจตระเวนชายแดนบ้านห้วยปุ้ม โอกาสนี้ องคมนตรีได้เชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีที่ทรงมีต่อผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ห่างไกล เสียสละ ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันชายแดนรักษาความสงบสุขเรียบร้อยให้แก่ประชาชนและประเทศชาติไปกล่าวแก่ผู้ปฏิบัติงานซึ่งต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณครั้งนี้ และรับฟังบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานด้านความมั่นคง
จากนั้น องคมนตรีและคณะเดินทางไปยังโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริ บ้านสันติสุข-บ้านขุนกำลัง ตำบลขุนควร อำเภอปง จังหวัดพะเยา เชิญสิ่งของพระราชทานไปมอบแก่ราษฎรและผู้ปฏิบัติงาน ประกอบด้วย เสื้อกันหนาวมอบให้แก่เด็กในพื้นที่โครงการฯ จำนวน 273 ตัว และถุงพระราชทานมอบให้แก่ราษฎรและผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่โครงการฯ จำนวน 194 ถุง ได้แก่ โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงฯ บ้านสันติสุข-บ้านขุนกำลัง และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ดอยยาว ดอยผาหม่น ดอยผาจิ จากนั้น องคมนตรีและคณะพบปะเยี่ยมเยียนราษฎร เยี่ยมชมผลผลิตและผลิตภัณฑ์ของราษฎรในพื้นที่โครงการฯ และรับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานโครงการฯ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงมีพระราชดำริเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2548 ให้จัดตั้งสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริ บ้านสันติสุข-บ้านขุนกำลัง ตำบลขุนควร อำเภอปง จังหวัดพะเยา เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศต้นน้ำให้สมบูรณ์ และตั้งธนาคารข้าวให้เหมือนธนาคารการเงิน โดยมีเป้าหมายให้เป็นสถานที่เรียนรู้และรับจ้างเป็นแรงงานของชุมชน ฝึกการเกษตรแผนใหม่ควบคู่กับการอนุรักษ์ดินและน้ำ เนื่องจากราษฎรขาดทักษะและขาดความรู้ทางด้านการเกษตร ส่งเสริมให้ราษฎรมีความใจว่าป่ามีความสำคัญกับน้ำอย่างมาก ถ้าถางป่าหมดก็จะเกิดความแห้งแล้ง ผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินงานตามแนวพระราชดำริ ทำให้ราษฎรทั้ง 2 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านสันติสุขและบ้านขุนกำลัง จำนวน 629 ครัวเรือน รวม 3,375 คน ซึ่งเป็นชาวเขาเผ่าม้ง ได้เรียนรู้การทำการเกษตรแผนใหม่อย่างถูกต้อง ควบคู่กับการอนุรักษ์ดินและระบบนิเวศน์ของป่าไม้บนพื้นที่สูง เพื่อให้ราษฎรในพื้นที่นำไปพัฒนาเป็นอาชีพของตนเอง ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูระบบนิเวศน์ต้นน้ำ รวมถึงส่งเสริมการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพของพืชและสัตว์ในท้องถิ่น ราษฎรสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง โดยการเข้าไปเป็นแรงงานของโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงฯ ทำให้เป็นแหล่งจ้างงานให้แก่ราษฎรในพื้นที่ได้มีรายได้เพิ่มขึ้นควบคู่กับการได้เพิ่มพูนความรู้ มีการจัดทำระบบกระจายน้ำเพื่อการเกษตร จำนวน 5 ระบบ ในพื้นที่ทางการเกษตรของราษฎรที่ห่างไกลแหล่งน้ำ รวมถึงสนับสนุนแหล่งน้ำขนาดเล็กให้แก่ราษฎร โดยสร้างบ่อพักน้ำเพื่อการเกษตร (บ่อพวง) จำนวน 5 แห่ง และสร้างฝายต้นน้ำแบบคอกหมูขนาด 3 เมตร จำนวน 50 แห่ง ทำให้ราษฎรมีความมั่นคงทางอาชีพ ทำนาได้โดยไม่ต้องพึ่งน้ำฝนเพียงอย่างเดียว ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้เพียงพอในการส่งบุตรหลานให้ได้รับการศึกษา จำนวน 712 คน ปัจจุบันเรียนจบระดับ อนุปริญญา จำนวน 34 คน และปริญญาตรี จำนวน 12 คน
องคมนตรีเชิญถุงพระราชทานไปมอบแก่ราษฎรและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมติดตามการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่จังหวัดพะเยา ต่อเนื่องเป็นวันที่สาม
