วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ที่ข่วงท่าแพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเขียงใหม่ และนายพรบัญชา ใหม่กันทะ อาจารย์ภาควิชาศิลปะไทยและวัฒนธรรมสร้างสรรค์ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมแถลงข่าวพิธีเปิดซุ้มพิงคราษฎร์ภักดี เฉลิมพระจักรี ฑีมายุโก พร้อมกดปุ่มซุ้มไฟประดับ 14 ซุ้มบนถนนท่าแพ ความยาวกว่า 240 เมตรเพื่อรับประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่ หรือลอยกระทง คืนแรก ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นวันที่ 11-17 พฤศจิกายนรวม 7 วัน มีคณะผู้บริหารสมาชิกสภา หัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน และนักท่องเที่ยว เข้าร่วมงานจำนวนมาก
นายอัศนี กล่าวว่า แนวคิดซุ้มประดับไฟ เป็นความเชื่อในเรื่องของปีเปิ้ง หรือปีเกิด 12 ราศี และปีนักกษัตริย์ โดยจำลองสถาปัตยกรรมแบบซุ้มโขงล้านนา ผสมผสานงานสถาปัตยกรรมโคโลเนียลที่เป็นอาคารบ้านเรือนสองฝั่งถนนท่าแพ หรือเรือนคหบดีเชียงใหม่ในอดีต ที่มีอายุกว่า 100 ปี ส่วนกลางซุ้มโขงโดดเด่นตัวลายปีเปิ้ง รูปสัตว์มงคลประจำปีเกิด และจักราสากล ประดับด้วยลายพรรณพฤกษา และมวลดอกไม้พื้นเมือง อาทิดอกสัปปะรด ดอกกำกอก และดอกพุตตานผูกลวดลาย ที่ถูกจำลองจากลายประดับหน้าบันวิหารล้านนาอาทิ วัดแสนฝาง วัดบุพพารามและวัดล้านนาที่ปรากฏตลอดเส้นทางบนถนนสายดังกล่าว
ส่วนยอดซุ้ม และลายบ่างค้ำยันใต้ฐานบัวคว่ำบบัวหงายประดับดวงตรา รูปดาวเปล่งรัศมี เพื่อตระหนักถึงคุณงามความดีในเจ้าดารารัศมี พระราชชายาในล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เจ้าหญิงแห่งนครเชียงใหม่ ผู้ทรงมีตุณูปการต่อเมืองเชียงใหม่มากมายนานัปการ และในปีนี้เป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา72 พรรษา 28 กรกฏาคม 2567 จึงได้อัญเชิญดวงตราสัญลักษณ์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ขึ้นประดิษฐานเหนือดวงตราสัญลักษณ์เทศบาลนครเชียงใหม่ ในซุ้มแรกและซุ้มสุดท้าย ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวใช้งบประมาณกว่า 10 ล้านบาท
นายอัศนี กล่าวอีกว่า ปีนี้คาดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากปีแล้วที่มีนักท่องเที่ยวกว่า 350,000 คน สร้างรายได้นับพันล้านบาท ซึ่งซุ้มประดับไฟดังกล่าวเปิดให้นักท้องเที่ยวชมความงดงามช่วงงานยี่เป็งจนถึงเที่ยงคิน ส่วนวันจันทร์ถึงพฤหัสบดี เปิดไฟ เวลา 18.00-20.00 น.และวันศุกร์ ถึงอาทิตย์ เปิดไฟ เวลา 18.00-22.00 น.พร้อมปิดจราจรถนนสายดังกล่าว ทั้งนี้ซุ้มดังกล่าวเปิดให้ชมจนถึงเทศกาลปีใหม่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ เป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น ภายหลังน้ำท่วมเมืองเชียง ใหม่ 2 ครั้ง ที่ผ่านมา
นายพรบัญชา กล่าวว่า ซุ้มประดับไฟทั้ง 14 ซุ้ม มีการทำพิธีทางศาสนา ก่อนเปิดให้ชม เพื่อสื่อความหมายของความเป็นสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรือง หากนักท่องเที่ยวได้เดินชมซุ้มดังกล่าว ถือเป็นความโชคดีและมีความก้าวหน้าในทุกด้าน เรียกว่า ดวงปังแบบสุด ๆ จึงอยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาสัมผัสบรรยากาศดังกล่าวในงานประเพณียี่เป็งของชาวล้านนาด้วย