องคมนตรีลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในรัชกาลที่ 9 จังหวัดนครศรีธรรมราช ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง

วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.30 น. พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคใต้ พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการฯ นายวัชระ หัศภาค ที่ปรึกษาด้านการพัฒนา และคณะอนุกรรมการฯ ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการขุดคลองระบายน้ำชะอวด-แพรกเมือง พร้อมประตูระบายน้ำและคันกั้นทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลหัวไทร อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยรับฟังสรุปผลการดำเนินงานและการบริหารจัดการน้ำของโครงการฯ จากผู้แทนกรมชลประทาน และผู้แทนกลุ่มผู้ใช้น้ำ จากนั้นตรวจเยี่ยมสภาพพื้นที่โครงการ พร้อมพบปะราษฎรในพื้นที่




พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรมีพระราชดำริในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง เพื่อช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ตั้งแต่ปี 2521 และเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2531 มีพระราชดำริ สรุปความว่า “…ให้กรมชลประทานดำเนินการแก้ไขและบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่เพาะปลูกบริเวณลุ่มน้ำปากพนังโดยเร่งด่วน ตามที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากอุทกภัยฝนตกหนักติดต่อกัน ระหว่างวันที่ 19-22 พฤศจิกายน 2531 เพื่อมิให้เกิดขึ้นอีก โดยพิจารณาการวางแผนดำเนินงานเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การขุดคลองธรรมชาติและปรับปรุงคลองระบายน้ำต่าง ๆ ดังนี้ 1) ขยายคลองระบายน้ำท่าพญาและคลองสาขา 2) ขุดคลองระบายน้ำบ่อคณฑี 3) ขุดคลองระบายน้ำหน้าโกฏิ 4) ขุดคลองแพรกเมือง-ชะอวด และระยะที่ 2 พิจารณาขุดคลองใหม่เป็นช่วงแนวลัด เพื่อระบายน้ำในแม่น้ำปากพนังลงสู่ทะเลให้เร็วขึ้น โดยก่อสร้างประตูระบายน้ำและคันกั้นน้ำเพื่อกักน้ำจืดในลุ่มน้ำปากพนังทั้งหมดสำหรับใช้การเกษตรและป้องกันน้ำเค็ม…”


ปัจจุบันโครงการฯ ทำหน้าที่ระบายน้ำร่วมกับประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ และประตูระบายน้ำอื่น ๆ ภายใต้โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยครอบคลุมพื้นที่อำเภอเชียรใหญ่ อำเกอหัวไทร อำเภอปากพนัง และบางส่วนของอำเภอเฉลิมพระเกียรติ รวมพื้นที่ประมาณ 350,000 ไร่ ทำหน้าที่ป้องกันน้ำเค็มรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง เป็นคลองชักน้ำจากแม่น้ำปากพนังส่งน้ำเข้าสู่พื้นที่เพาะปลูก จำนวน 97,000 ไร่ และในปีงบประมาณ 2570-2571 กรมชลประทาน มีแผนดำเนินการก่อสร้างสถานีสูบน้ำ บริเวณประตูระบายน้ำคลองชะอวด-แพรกเมือง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ



ต่อมาองคมนตรีและคณะเดินทางไปยังโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าพรุควนเคร็งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครศรีธรรมราช รับฟังสรุปผลการดำเนินงานจากผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ผลสำเร็จในการเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและควบคุมไฟป่าพรุควนเคร็ง ผลการกักเก็บและรักษาระดับน้ำ รวมถึงการปลูกฟื้นฟูและบำรุงพื้นที่เพิ่มความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพของป่าพรุในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง

นายเทอดไทย ขวัญทอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวสรุปผลการดำเนินงาน ป่าพรุควนเคร็ง ถือเป็นป่าพรุผืนสุดท้ายของจังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งอยู่ในโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีเนื้อที่ 316,901 ไร่ สภาพพื้นที่มีน้ำท่วมขังตลอดทั้งปี รองรับน้ำจากเทือกเขาหลวง มีลำน้ำหลักไหลผ่าน และเป็นพื้นที่รองรับน้ำจากพื้นที่โดยรอบ จึงทำให้เกิดเป็นป่าพรุที่อุดมสมบูรณ์อีกผืนหนึ่งของประเทศ



ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าพรุควนเคร็งอันเนื่องมาจากพระราชดำริได้ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในการกักเก็บและรักษาระดับน้ำ เพื่อป้องกันการเกิดไฟป่าในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง เช่น การลาดตระเวนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า การขุดแพรก การปลูกป่าพรุเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศลุ่มน้ำปากพนัง การสนับสนุนกลุ่มอาชีพโครงการหมู่บ้านพิทักษ์ป่ารักษาสิ่งแวดล้อม การดำเนินกิจกรรมครูป่าไม้สนองพระราชดำริ การอนุรักษ์ปลาดุกลำพันคืนถิ่น รวมถึงการฟื้นฟูชนิดพืชอาหารธรรมชาติของปลาดุกลำพัน เป็นต้น โดยมีหน่วยงานที่ร่วมดำเนินการ จำนวน 10 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงาน กปร. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ จังหวัดนครศรีธรรมราช กองทัพภาคที่ 4 ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช กรมชลประทาน กรทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จำนวน 42 เครือข่าย



พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรมีพระราชดำริในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่า สร้างสมดุลนิเวศ เพื่อให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยที่ดี มีป่าต้นน้ำ มีต้นทุนทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์มาอย่างต่อเนื่อง สำหรับพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชมีจำนวนทั้งหมด 316,901 ไร่ เป็นพื้นที่ที่มีความซับซ้อนเชิงนิเวศ และประสบปัญหาไฟป่าเป็นประจำทุกปี รวมทั้งได้รับผลกระทบจากน้ำเสียจากการทำนากุ้งและน้ำเปรี้ยวจากพรุ ปัจจุบันได้มีการบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยทำการรักษาระดับน้ำในป่าพรุให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมสำหรับควบคุมไฟป่า และเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวัง โดยเดินสำรวจ ลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันการบุกรุกป่าและลักลอบเผาป่า รวมถึงการเสริมสร้างจิตสำนึกและสนับสนุนกระบวนการมีส่วนร่วมของราษฎรที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งให้สามารถดำเนินชีวิตร่วมกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ให้มีความอุดมสมบูรณ์โอกาสนี้ องคมนตรีได้ให้ข้อเสนอแนะในการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ราษฎรตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา ต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริสืบไป




ดังนั้น โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าพรุควนเคร็งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงถือเป็นโครงการที่มีความสำคัญในการป้องกันควบคุมไฟป่าและการบุกรุกพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง รวมถึงการฟื้นฟูระบบนิเวศของลุ่มน้ำปากพนัง สร้างเครือข่าย ปลูกฝังเยาวชนให้ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า อีกทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรอบ จึงขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติงานสนองพระราชดำริต่อไป