พยานคดีฌอนรับเงินบริจาคไฟป่าขอข้อมูลคดีกับปลัดจอมแฉ หลังมีผู้บริจาค 6,000 รายรวมกว่า 1.3 ล้าน พบมีนักแสดงดังบริจาค 1 แสนบาท ก่อนพิจารณาคดี 10 ตุลาคมนี้

วันที่ 19 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าน.ส.ต่าย  นามสมมุติ อาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นพยานคดีนายฌอน บูรณะหิรัญ นักสร้างแรงบันดาลใจ หรือไลฟ์โค้ช ที่เปิดรับบริจาคไฟป่าในพื้นที่เชียงใหม่ เดินทางเข้าพบ นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขา จ.เชียงใหม่ อดีต ปลัดอ.แม่ริม หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม อ.แม่ริม เพื่อขอข้อมูลหลักฐานก่อนขึ้นให้การในชั้นศาล ในฐานะพยาน วันที่ 10 ตุลาคมนี้ เวลา 13.30 น. หลังอัยการ จ. นนทบุรี สั่งฟ้อง ข้อหาฉ้อโกงประชาชนปมเงินบริจาคตาม พรบ.คอมพิวเตอร์กับนายฌอน ที่เป็นผู้ต้องหาคดีดังกล่าว

ทั้งนี้คดีดังกล่าว เริ่มเมื่อปี 2563 หรือ3 ปีที่ผ่านมา ตัวแทนกลุ่มเจ้าหน้าที่อาสาสมัครดับไฟป่า ผู้นำชุมชนในพื้นที่ อ.แม่ริม ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายบุญญฤทธิ์  หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม อ.แม่ริม ในฐานะประธานสมาพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย ได้รวบรวมพยานหลักฐานประกอบด้วยข้อมูลในเพจเฟสบุ๊คต่างๆนำรูปอาสาสมัครที่เสียชีวิตแอบอ้างนำมาโพสต์ เพื่อขอรับบริจาคเงินช่วยเหลืออาสาสมัครดับไฟป่าดังกลาาว โดยมีหลักฐานการโอนเงินของประชาชนที่บริจาคจำนวนมาก 

ต่อมานายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังธนาคาร ซึ่งนายฌอน เป็นเจ้าของบัญชี และได้ทำหนังสือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดับไฟป่าในสมัยนั้น เพื่อขอข้อมูลว่าได้รับเงินบริจาคจากนายฌอน หรือ
ไม่ ปรากฏว่าไม่มีบุคคล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รีบเงินบริจาคจากผู้ต้องหา แต่อย่างใด

นายบุญญฤทธิ์ เผยว่า จากการตรวจสอบเอกสารพบว่า มีชาวบ้านบริจาคเงินรวมกว่า 6,000 ราย เป็นเงินกว่า 1.3 ล้านบาท ซึ่ง 1 ในผู้บริจาค เป็นนักแสดงชื่อดังร่วมบริจาค
100,000 บาท จากการตรวจสอบพบว่าหลังจากที่มีเงินบริจาคเข้าบัญชีธนาคารดังกล่าวพบว่า มีการทะยอย ถอนเงินไปใช้ส่วนตัวและมีการโอนเงินไปให้กับบุคคลใกล้ชิดนายฌอน หลายครั้ง

“ช่วงฤดูไฟป่า ปี 2563 นายฌอน ได้นำรูปไฟป่าและเจ้าหน้าที่ไฟป่ากำลังปฏิบัติงานโพสต์เพจเฟสบุ๊คส่วนตัว ระบุว่าคนชียงใหม่นับล้านกำลังจะตาย ฯลฯ นอกจากนี้ยังได้โพสต์รูปอาสาสมัครที่เสียชีวิตจากการดับไฟป่า 4 รายพร้อมระบุข้อความว่าไฟป่าเชียงใหม่มากว่า10 ปีแล้ว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทุกปีด้วย” นายบุญญฆทธิ์ กล่าว

นอกจากนี้ยังมีข้อความขอรับบริจาคเงินช่วยเหลืออาสาสมัครดับไฟป่า จึงได้นำเอกสารหลักฐานและพยานทั้งหมด เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สภ.แม่ริม เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ที่สภ.แม่ริม จนนำไปสู่การสั่งฟ้องคดีดังกล่าว ตามลำดับ